ฟังอีกมุม ผอ.โรงเรียนโต้จ่าย 4 หมื่นปิดคดีเด็กสาว ม.1 ถูกรุ่นพี่ข่มขืนในห้องน้ำ

ฟังอีกมุม ผอ.โรงเรียนโต้จ่าย 4 หมื่นปิดคดีเด็กสาว ม.1 ถูกรุ่นพี่ข่มขืนในห้องน้ำ

ฟังอีกมุม ผอ.โรงเรียนโต้จ่าย 4 หมื่นปิดคดีเด็กสาว ม.1 ถูกรุ่นพี่ข่มขืนในห้องน้ำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผอ.โรงเรียนโต้ไม่มีการยัดเงิน 4 หมื่นบาทปิดคดีเด็กหญิง 13 ปี ถูกรุ่นพี่ข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน ขณะที่ สพป.เขต1 สั่งตั้งคณะกรรมการสอบผู้เกี่ยวข้องแล้ว

ความคืบหน้ากรณีมีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิง อายุ 13 ปี ชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน ต.ด่านคล้า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ได้ร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี เรื่องที่บุตรสาวของตนเอง ถูกเยาวชนอายุ 16 ปี ชั้น ม.3 เพื่อนรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกัน ล่อลวงไปข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน

โดยผู้ปกครองระบุว่า ภายหลังจากที่บุตรสาวของตนเองถูกข่มขืนแล้ว มีครูที่โรงเรียนรู้เห็นเป็นใจ พยายามปกปิดเรื่องดังกล่าวไม่ให้ผู้ปกครองทราบ พร้อมกับได้จัดแจงซื้อยาคุมชนิดฉุกเฉินให้บุตรสาวกิน จนเกิดอาการตกเลือดอย่างรุนแรง 

>> แม่รู้ความจริงสุดช็อก ลูกสาว ม.1 ถูกรุ่นพี่ข่มขืนที่โรงเรียน ครูผู้หญิงรู้เรื่องแต่เงียบ

ล่าสุด วันนี้ (25 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายผยุงศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว ได้ออกมาชี้แจงว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเย็นที่โรงเรียนเลิกแล้ว ดังนั้นนักเรียนและครูหลายคนก็กลับบ้านกันไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงนักเรียนบางส่วนที่ยังคงเล่นกีฬาอยู่ในโรงเรียน และไม่กลับบ้าน

ต่อมาวันรุ่งขึ้น ตนได้ทราบเรื่องจากครูประจำชั้นว่ามีเด็กนักเรียนชาย และหญิง เข้าห้องน้ำไปด้วยกัน ตนเองจึงได้เรียกเด็กนักเรียนทั้งคู่มาสอบถาม ซึ่งเด็กทั้งคู่ก็บอกว่าได้แตะเนื้อต้องตัวกันจริง แต่ไม่ได้มีอะไรกันมากกว่านั้น

ด้วยความที่เป็นเยาวชนซึ่งตนไม่อยากคาดคั้นมากเกรงว่าจะทำให้เด็กเกิดความเครียด เพราะไม่มีนักจิตวิทยาหรือสหวิชาชีพมาสอบถาม ประกอบกับวันดังกล่าวก็มีผู้ปกครองและครูที่ปรึกษามานั่งอยู่ด้วย ซึ่งผู้ปกครองของนักเรียนหญิงก็ไม่ติดใจเอาเรื่องอะไร ตนจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนว่าอย่าทำอย่างนี้อีก เพราะจะสร้างความเสียหายทั้งกับตนเอง และโรงเรียนด้วย

ต่อมาอีก 1 สัปดาห์ ผู้ปกครองนักเรียนหญิงก็มาบอกว่าเด็กทั้งคู่ยังติดต่อคุยกันอยู่อีก ตนจึงเรียกเด็กชายมาว่ากล่าวตักเตือนอีกต่อหน้าผู้ปกครองนักเรียนหญิง พร้อมกับบอกว่าอย่าติดต่อกันในเชิงชู้สาวอีก เพราะทั้งคู่ยังเป็นเยาวชนอยู่ ซึ่งผู้ปกครองนักเรียนหญิงก็รับทราบและไม่เอาเรื่องแต่อย่างใด ดังนั้นหากจะกล่าวโทษว่าผู้บริหารโรงเรียน หรือครูปกปิดเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องจริงเลย

ส่วนกรณีมีการกล่าวหาว่า ทางตนได้เสนอเงิน 40,000 บาท เพื่อปิดคดีนี้นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากที่ผู้ปกครองจับได้ว่ามีการคุยกันทางแชท โดยมีข้อความพูดถึงการมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ก็ทำให้ผู้ปกครองฝ่ายหญิงเกิดความไม่พอใจขึ้น จนต้องไปแจ้งความกับตำรวจ

ซึ่งตำรวจก็ได้เรียกตนเองและผู้เกี่ยวข้องไปเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ทางผู้ปกครองเด็กหญิง ก็ได้เรียกเงินค่าเสียหายกับผู้ปกครองเด็กชายสูงถึง 600,000 บาท แต่ผู้ปกครองนักเรียนชายเป็นคนยากจน ไม่มีเงิน จึงเสนอว่าให้ได้เพียง 20,000 บาท พร้อมกันนี้ผู้ปกครองฝ่ายหญิงยังขอให้ทางโรงเรียนรับผิดชอบด้วย ซึ่งตนเองก็บอกว่าไม่ใช่คู่กรณี ถ้าจะไปเรี่ยไรเงินจากครูก็จะผิดระเบียบ

แต่ด้วยความมีคุณธรรม และเห็นใจผู้ปกครองนักเรียนหญิง จึงขอปรึกษาครูในโรงเรียนดูก่อน หากจะช่วยเหลือได้ก็ขอช่วยเหลือเพียงแค่ 20,000 บาท รวมกันกับของผู้ปกครองนักเรียนชายเป็น 40,000 บาท ได้หรือไม่ แต่ผู้ปกครองนักเรียนหญิงไม่ยอม ซึ่งการพูดคุยเรื่องนี้ก็พูดต่อหน้าพนักงานสอบสวนของ สภ.โนนสูง ตลอด ไม่มีการขู่บังคับหรือพูดในที่ลับหลังแต่อย่างใด

ขณะที่เรื่องการส่งหนังสือแจ้งไปให้ผู้ปกครองนักเรียนหญิง พาบุตรสาวมาเรียนตามปกติ ก็เป็นหนังสือราชการ แบบ บค.14 ตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เตือนให้ผู้ปกครองส่งนักเรียนเข้าเรียน ซึ่งช่วงท้ายระบุว่า หากฝ่าฝืนโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร จะมีความผิดตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ดังนั้นจึงไม่ได้ทำโดยพลการ

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคดีนี้อยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ตนเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก ก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายดีกว่าจะมาโต้เถียงกันเองเช่นนี้ ส่วนหลังจากนี้ตนเองก็จะได้มีมาตรการดูแลเด็กนักเรียน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก เนื่องจากมีเด็กนักเรียนอยู่จำนวนมากถึง 303 คน และเป็นโรงเรียนที่ได้รับการยกระดับเป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพระดับตำบลอีกด้วย 

ด้าน นายพิสิษฐ์ ชดกิ่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถามศึกษานครราชสีมา เขต 1 (สพป.นม.1) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า  ได้สั่งการให้ทางโรงเรียนตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เพื่อให้รู้ที่ไปที่มา และมีใครเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ พฤติกรรมของเด็กเป็นอย่างไร ให้รวบรวมข้อมูลทุกด้านเพื่อประกอบการในการพิจารณาดำเนินการต่อไป

ขณะเดียวกัน ได้ส่งคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือนักเรียน (ฉก.ชน.) จากเขตพื้นที่การศึกษาเข้าไปช่วยเหลือนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นทีมที่ปรึกษาของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของโรงเรียนด้วย

สำหรับแหตุการณ์ดังกล่าว จากรายงานเบื้องต้นทราบว่าทางผู้อำนวยการโรงเรียนได้เรียกเด็กนักเรียนทั้ง 2 คนเข้ามาสอบถามแล้ว และเด็กทั้ง 2 ให้การตรงกันว่า ไม่ได้มีเหตุการณ์ข่มขืนเกิดขึ้นแต่ได้เข้าไปในสถานที่แห่งนั้นจริง  เมื่อนักเรียนยืนยันเช่นนี้ทางโรงเรียนโดย ผอ.โรงเรียนได้กล่าวตักเตือนไป แต่เพิ่งมาทราบในภายหลังว่าเด็กยอมรับว่ามีเหตุการณ์ข่มขืนด้วย 

ดังนั้นก็ต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงให้รอบด้านและได้สั่งกำชับให้คณะกรรมการเร่งรัดดำเนินการให้มีความชัดเจนเร็วที่สุด และขณะนี้ทางผู้ปกครองของนักเรียนหญิงก็ได้เข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจแล้ว ฉะนั้นการดำเนินการจากนี้ไปก็คงจะต้องรอผลการสอบสวนในส่วนของโรงเรียนส่วนการดำเนินคดีอาญาก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ ยืนยันว่าเราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook