แม่ร้องไห้แทบขาดใจ ลูกชาย ม.1 คิดสั้นสิ้นใจก่อนไปสอบวันสุดท้าย

แม่ร้องไห้แทบขาดใจ ลูกชาย ม.1 คิดสั้นสิ้นใจก่อนไปสอบวันสุดท้าย

แม่ร้องไห้แทบขาดใจ ลูกชาย ม.1 คิดสั้นสิ้นใจก่อนไปสอบวันสุดท้าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เด็กชาย ม.1 คิดสั้นสิ้นใจกลางบ้าน แม่เปิดห้องเข้าไปช็อก เหลือสอบวันสุดท้ายก็ย้ายไปอยู่กับพ่อ คาดเพราะโรคซึมเศร้า มีปัญหาไม่มีที่ระบาย โทษตัวเองดูแลลูกไม่เพียงพอ

(28 ก.พ.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก มาบตาพุด จ.ระยองได้รับเเจ้งเหตุคนผูกคอบริเวณชุมชนใกล้โรงงานกระดาษแห่งหนึ่ง ถนนมาบยา ตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นเสียชีวิตเป็นเด็กชาย ทราบชื่อคือ เด็กชายน็อต (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ทางมูลนิธิได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปชันสูตรพลิกศพและเก็บรักษาโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพ

ขณะเดียวกัน นางมะลิ อายุ 44 ปี แม่ของเด็กชาย ที่ร้องไห้สะอื้นระทมกับการสูญเสียลูกชาย หลังมาพบร่างไร้วิญญาณของลูกที่กลางบ้าน ในวันสอบปลายภาควันสุดท้าย ก่อนเตรียมจะย้ายไปเรียนต่อที่บ้านใน จ.สุโขทัย แทน และไม่คาดคาดว่าลูกชายก่อเหตุเช่นนี้

นางมะลิ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุลูกได้พูดเป็นลางเอไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ น้องน็อตได้เกาะเชือกเอาไว้ ตนเลยบอกว่า "จะอะไรนักหนา พรุ่งนี้ก็สอบวันสุดท้ายแล้ว จะได้กลับไปเรียนต่อสุโขทัยต่อ" ทั้งนี้เนื่องจากตนจะพาลูกกลับไปเรียนที่ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านของพ่อเด็ก ลูกเองก็อยากจะกลับไปเรียนหนังสือที่บ้านและไปอยู่กับพ่อเร็วๆ

ตนก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ไม่คิดว่าน้องจะคิดสั้นเช่นนี้ แต่พอลองมาคิดทบทวนถึงลางสังหรณ์ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้ ลูกได้พูดออกมาว่า "กูไม่อยากจะอยู่แล้ว" เพราะประโยคนี้ ตนจึงได้ตักเตือนลูกชายไปว่าจะอะไรนักหนา เดี๋ยวก็จะสอบเสร็จแล้ว จะได้กลับไปสุโขทัย

กระทั่งในช่วงเช้า เวลาประมาณ 08.00 น. ตนก็สงสัยว่าทำไมลูกยังไม่ออกมาจากห้อง เพราะมีสอบวันสุดท้าย แต่เมื่อเดินเข้าไปตามพอก็ต้องช็อก เพราะเจอภาพภาพน่าสลดใจของลูกชาย ใช้เชือกแขวนตัวเองเอาไว้กับขือกลางบ้าน

นางมะลิ เปิดเผยว่า สาเหตุการเสียชีวิตของลูกชายในครั้งนี้ น่าจะมาจากโรคซึมเศร้า เพราะน้องเป็นคนเก็บกด เหมือนมีโลกส่วนตัว เพราะวันๆ เอาแต่เล่นเกม และเวลามีปัญหาก็คงไม่รู้จะไประบายกับใคร ทางครอบครัวก็ไม่ขอกล่าวโทษใครทั้งนั้น ตนคิดแต่โทษตัวเองเพราะมีเวลาให้ลูกไม่เพียงพอ เพราะต้องออกไปค้าขายที่ตลาด เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว เลี้ยงลูก 3 คน ด้วยตัวคนเดียว

ทั้งนี้ ตนได้แยกทางกับสามีมาหลายปีแล้ว พอขายของเสร็จก็จะกลับบ้านมาช่วงค่ำ จึงอยากจะฝากให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ปกครองท่านอื่นๆ ควรใส่ใจดูแลลูกให้ดี อย่าให้เหมือนอย่างในกรณีของตน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อเกิดขึ้นไม่อาจจะย้อนเวลากลับมาแก้ไขได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook