เจ้าสัวมีหนาว! อังกฤษเริ่ม "เชือด" คนรวย ถ้าอธิบายที่มาของเงินไม่ได้
กฎหมาย "ความร่ำรวยที่ไม่สามารถอธิบายได้" (Unexplained Wealth Order หรือ UWO) นี้เพิ่งใช้บังคับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 นี้เอง เป็นส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติอาชญากรรมทางการเงิน (Criminal Finances Act 2017) ของอังกฤษ
กล่าวคือ การออกหมายคำสั่งศาลบังคับให้บุคคลเปิดเผยที่มาของความร่ำรวยที่ไม่สามารถอธิบายได้ โดยใช้ระบบไต่สวน หากบุคคลผู้นั้นไม่สามารถชี้แจงและพิสูจน์ที่มาของความร่ำรวยนั้นได้ทรัพย์สินนั้นก็จะถูกสำนักงานอาชญากรรมแห่งชาติ (National Crime Agency) ยื่นเรื่องขอยึดทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นของรัฐต่อศาลสูงของอังกฤษได้
กฎหมายความร่ำรวยที่ไม่สามารถอธิบายได้ เป็นอำนาจใหม่ที่มุ่งเป้าตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติที่ต้องสงสัยว่ากระทำการทุจริต และอาจนำเงินที่ได้มาไปเข้ากระบวนการฟอกเงินในอังกฤษ ในอดีตเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอาชญากรรมแห่งชาติของอังกฤษ เชื่อว่า มีการนำเงินผิดกฎหมายจำนวนมหาศาลเข้าไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษ แต่กฎหมายที่มีอยู่เดิมของอังกฤษไม่สามารถตั้งข้อหาอาญาต่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องสงสัยและดำเนินการยึดทรัพย์ได้เพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม กฎหมายใหม่เอี่ยมของอังกฤษนี้ มีขึ้นเพื่อให้ทางการอังกฤษมีอำนาจสั่งการให้เจ้าของทรัพย์สินต้องสงสัยเปิดเผยรายละเอียดความร่ำรวยของพวกเขา หากเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่ต้องสงสัยว่าคอร์รัปชัน หรือครอบครัว ไม่สามารถแสดงหลักฐานอันชอบธรรมของที่มาความร่ำรวยได้ ทางก็สำนักงานอาชญากรรมแห่งชาติสามารถยื่นเรื่องให้ศาลดำเนินการยึดทรัพย์สินที่ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินนั้นได้นั่นเอง
ผู้ต้องหารายแรกของกฎหมายใหม่นี้คือ นางซาเมียรา ฮาเจียวา ชาวอาเซอร์ไบจานอายุ 55 ปี ผู้ใช้เงินจับจ่ายซื้อสินค้าหรูที่ห้างแฮร์รอดส์ในกรุงลอนดอนไป 16 ล้านปอนด์ (688 ล้านบาท) ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมานอกจากนี้นางซาเมียรา ฮาเจียวายังได้ซื้อบ้านพักราคา 15 ล้านปอนด์ (633 ล้านปอนด์) ใกล้ห้างแฮร์รอดส์ และสนามกอล์ฟในมณฑลบาร์กเชียร์ รวมทั้งเครื่องบินเจ็ตราคา 31 ล้านปอนด์ (1,308 ล้านบาท) อีกด้วย
นางฮาเจียวา เข้ามาอาศัยอยู่ในอังกฤษด้วยวีซ่าสำหรับนักลงทุนที่ร่ำรวย ขณะที่สามีของเธอผู้เป็นอดีตประธานกรรมการ ธนาคารอินเตอร์เนชั่นแนล แบงค์ ออฟ อาเซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นธนาคารของประเทศอาเซอร์ไบจานระหว่างปี 1993-2015 นั้น ปัจจุบันต้องโทษจำคุกอยู่ที่อาเซอร์ไบจาน เมื่อพ.ศ. 2560 โดยถูกตพิพากษาลงโทษจำคุก 15 ปี จากความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์และให้ชดใช้เงินคืน 39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,286 ล้านบาท) หลังมีการตรวจพบว่าเงินจำนวนมหาศาลหายไปจากธนาคารที่เขาเป็นประธานกรรมการอยู่
ครับ! ในอนาคตอันใกล้ก็คงมีผู้ต้องหาต่างชาติอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องชี้แจงความร่ำรวยที่ไม่สามารถอธิบายได้ต่อสำนักงานอาชญากรรมแห่งชาติของอังกฤษอย่างแน่นอน