หนุ่มใหญ่ยืนเติมน้ำมันริมถนน ถูกเก๋งพุ่งชนกระเด็นไกล 50 เมตร ร่างกระแทกเสาดับคาที่

อุบัติเหตุสลดใจ หนุ่มใหญ่วัย 50 ปี ยืนเติมน้ำมันรถอยู่ข้างถนน จู่ๆ ถูกรถเก๋งที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงพุ่งชนร่างกระเด็นไกลกว่า50เมตร ก่อนร่างกระแทกเสาไฟฟ้าหล่นลงมาเสียชีวิตคาที่

วันที่ 30 กันยายน 2561 เมื่อเวลา 19.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถชนมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณริมถนนอู่ทอง ฝั่งขาเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี ตรงข้ามวิทยาลัยเทคนิคกาญจนบุรี

จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์และแพทย์เวรโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เก๋ง โตโยต้าวีออส สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กจ6040 กาญจนบุรี จอดอยู่ริมถนน

สภาพด้านหน้ารถฝั่งผู้โดยสารมีร่องรอยการชนจนบังโคลนหน้าแตก กระจกแตก ห่างออกมาประมาณ 50 เมตร พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย นอนอยู่ข้างเสาไฟฟ้า โดยมีแกลลอนน้ำมันสีเหลืองตกอยู่ใกล้ศพ

ทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาคือ นายทิพย์ อายุ 50 ปี ชาวจังหวัดอุทัยธานี แพทย์ตรวจสอบเบื้องต้นพบมีบาดแผลกระดูกหักหลายแห่ง มีเลือดออกจากปากและจมูก เนื่องจากถูกแรงกระแทกอย่างรุนแรง

จากการสอบถามแฟนสาวของผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตขับรถยนต์กระบะกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ รถเกิดน้ำมันหมด ผู้เสียชีวิตจึงวิ่งข้ามฝั่งไปซื้อน้ำมันใส่แกลลอนเพื่อจะนำมาเติมใส่รถ

ขณะที่กำลังยืนเติมน้ำมันอยู่ข้างถนน จู่ๆ รถยนต์เก๋งคันดังกล่าวที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ได้พุ่งชนร่างของผู้เสียชีวิตเข้าอย่างจัง จนร่างของผู้เสียชีวิตกระเด็นไปกระแทกกับป้ายโฆษณาและเสาไฟฟ้าที่อยู่ห่างออกไปราว 50 เมตร จนร่างตกกระแทกพื้นเสียชีวิตคาที่ดังกล่าว

ขณะที่ ชายคนขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในจุดเกิดเหตุ โดยเล่าว่าตนเองขับรถมาจากทางสี่แยกวังสารภี โดยรถของตนอยู่เลนกลางและมีรถกระบะอีกคันขับตีคู่มาทางฝั่งขวา

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้เปลี่ยนเลนมาทางฝั่งซ้ายอย่างกะทันหัน ตนจึงหักพวงมาลัยเบี่ยงรถหลบ ทำให้รถพุ่งชนร่างของนายทิพย์ ที่กำลังยืนเติมน้ำมันอยู่ข้างถนนเข้าอย่างจัง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวชายคนขับรถยนต์เก๋งคันก่อเหตุไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ก่อนจะดำเนินการตรวจสอบภาพจากกล้องหน้ารถและกล้องวงจรปิดที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป