คดีพลิก! เปิดใจลูกชายโชเฟอร์ พ่อขับรถบัสคว่ำเพราะป่วยทางสมอง-ไม่ได้เมา

ลูกโชเฟอร์รถรับส่งพนักงานคว่ำ ยันพ่อเส้นเลือดในสมองแตก ไม่ใช่เมาแล้วขับ รอหมอระบุเกิดหลังหรือขณะขับรถ

จากกรณีเมื่อวันที่ 15 ก.ย.61 ที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุรถบัสรับ-ส่งพนักงานพลิกคว่ำและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บริเวณถนนพลโยธินขาเข้าช่องทางคู่ขนาน ใกล้สะพานกลับรถแก้วนิมิตร ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และเกิดมีการรุมประชาทัณฑ์คนขับรถจนได้รับบาดเจ็บต้องนำส่งโรงพยาบาล

ต่อมาลูกชายของคนขับได้ร้องเรียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า พ่อได้รับกระทบกระเทือนทางสมองนั้น เกิดจากการถูกรุมทำร้าย เนื่องจากผู้โดยสารเข้าใจผิดคิดว่าเมา แต่ความจริงแล้วพ่อของตนเส้นเลือดในสมองแตกขณะขับรถ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น

>> ตร.ยังไม่สรุปคนขับบัสคว่ำเมาหรือป่วย ยังเจ็บหนัก ลูกบอกพ่อถูกรุมประชาทัณฑ์

นายพิทักษ์วงษ์ จันทับทอง อายุ 24 ปี ลูกชายของคนขับรถบัส กล่าวว่า ตนทราบมาจากเพื่อนร่วมงานของพ่อว่า ก่อนหน้าที่พ่อตนจะประสบอุบัติเหตุในคืนนั้น พ่อได้บ่นว่าเจ็บหน้าอกกับเพื่อน ซึ่งก็ทราบว่าพ่อกินยาแต่ไม่รู้ว่าเป็นรักษาโรคอะไร ทั้งนี้หลังจากเกิดอุบัติเหตุเบื้องต้นที่ทราบจากแพทย์คือพ่อมีเลือดออกในโพรงสมอง แต่ทางแพทย์ก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าเกิดขึ้นหลังหรือขณะขับรถ เพราะยังคงต้องรอดูอาการเพื่อที่จะระบุผลอีกครั้ง

ซึ่งตอนนี้อาการของพ่อก็ยังคงไม่ดีขึ้น เลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุดต้องใส่สายยาง 2 เส้นเพื่อที่จะระบายเลือดออกจากสมอง ยังไม่พ้นขีดอันตรายยังคงต้องเฝ้าระวังอาการอยู่ในห้องไอซียู แต่ทราบจากแพทย์มาว่าอาการเบื้องต้นของคนที่ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตกจะมีอาการมึนเมา และมีการอาเจียนออกมา ทั้งนี้ตนยอมรับว่าพ่อตนดื่มเหล้าบ้างแต่จะดื่มเฉพาะวันหยุดที่ไม่มีงานเท่านั้น วันทำงานที่พ่อจะไม่ดื่มเด็ดขาด

ทั้งนี้ตนอยากชี้แจงว่าพ่อไม่ได้เมาอย่างที่เป็นข่าว และอยากให้สังคมเข้าใจเพราะไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตอนไหน และอยากจะขอโทษพนักงานทุกคนที่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้น ตนเชื่อว่าพ่อเองก็ไม่ได้ตั้งใจอยากให้เกิด ส่วนคนที่รุมทำร้ายพ่อนั้นตอนนี้ก็ขอปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

จากที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวงได้เรียกให้ตนเข้าไปให้ปากคำนั้น วานนี้ตนได้ดินทางไปที่โรงพักแล้ว แต่ตำรวจเจ้าของคดีได้ออกเวรไปก่อนหน้านี้ ส่วนจะเข้าไปให้ปากคำอีกวันไหนนั้นคงต้องดูอีกที