ฝันสลายคาโรงพัก-เด็กวัย 3 ขวบ ถูกชนแล้วหนี พ่อแม่โร่แจ้งความหวังเบิกค่ารักษา แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง

ฝันสลายคาโรงพัก-เด็กวัย 3 ขวบ ถูกชนแล้วหนี พ่อแม่โร่แจ้งความหวังเบิกค่ารักษา แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง

ฝันสลายคาโรงพัก-เด็กวัย 3 ขวบ ถูกชนแล้วหนี พ่อแม่โร่แจ้งความหวังเบิกค่ารักษา แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

3 ก.ย. 61 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับเรื่องร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม ให้ช่วยนำเสนอข่าวและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จาก น.ส.ภัทราภรณ์ อายุ 22 ปี และ นายจักรกรฤษณ์ อายุ 22 ปี สองสามีภรรยา

ว่า ด.ญ. พรรณภัทร์ หรือน้องฟูม อายุ 3 ขวบ 9 เดือน ซึ่งเป็นลูกสาว ถูกรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ไม่ทราบสีและหมวดอักษร ทราบเพียงหมายเลขทะเบียน คือ 7655 สุรินทร์ ชนจน ด.ญ.พรรณภัทร์ พวงศรี ล้มอยู่กลางถนน

ได้รับบาดเจ็บที่ริมฝีปากล่างแตกและฉีกขาด เป็นแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่พอสมควร เลือดไหลท่วมตัว รวมทั้งฟันโยก 2 ซี่ เหตุเกิดที่ถนนหน้าบ้านแห่งหนึ่งใน ต.แกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของน้าสาว

ระหว่างที่ น.ส.ภัทราภรณ์ แม่ของน้องฟูม ได้พาน้องฟูมไปเล่นที่บ้านของน้าวสาว เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 30 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา ก่อนที่แม่ของน้องฟูม จะจูงรถจักรยานยนต์ข้ามถนนมาจอดรอน้องฟูมฝั่งตรงข้าม เพื่อจะออกไปทำธุระต่อ

ระหว่างนั้นน้องฟูมได้เดินข้ามถนนเพื่อจะมาขึ้นรถกับแม่ ขณะเดียวกับรถจักรยานยนต์คันต้นเหตุได้ขับขี่ออกมาจากด้านในหมู่บ้านด้วยความเร็ว ก่อนจะชนน้องฟูมเข้าอย่างจัง ก่อนที่รถจักรยานยนต์ดังกล่าวจะจอดดูสักพักและขับหลบหนีไป

จากนั้นได้นำตัวน้องฟูมไปรักษาตัวและเย็บแผลริมฝีปากล่างด้านในถึง 6 เข็ม และข้างนอก 2 เข็ม ที่ รพ.สุรินทร์ ก่อนจะเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุรินทร์ ให้ จนท.ตำรวจช่วยติดตามตัวคนขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมารับผิดชอบ เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 61 ที่ผ่านมา

โดยพ่อแม่ของน้องฟูมระบุว่า ตำรวจไม่ยอมรับแจ้งความ บอกเพียงว่าให้เสียค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลเอง ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของน้องฟูม ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลแล้วกว่า 1 หมื่นบาท และยังไม่ได้เอ็กเซรย์สมองอีกด้วย เพราะไม่มีเงินพอ

จึงอยากวิงวอนให้ผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ออกมารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย พร้อมกับวิงวอนให้ จนท.ตำรวจช่วยรับแจ้งความด้วย เพราะจะต้องนำหลักฐานการแจ้งความไปประกอบการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล และเพื่อเอกซเรย์น้องต่อไป

ด้าน น.ส.ภัทราภรณ์ แม่ของน้องฟูม เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อประมาณ 1 ทุ่มของคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา ขณะที่ตนจะออกไปซื้อของที่ร้านค้าใกล้บ้าน และลูกสาวของตนจะข้ามถนนตามมา จู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนอย่างแรง ลูกสาวล้มอยู่ที่เกิดเหตุ

จากนั้นลุกวิ่งไปหาตนในสภาพปากมีแผลฉีกเลือดไหล ส่วนคู่กรณีในตอนแรกยังอยู่ที่เกิดเหตุ แต่ขณะที่ช่วงชุลมุนผู้คนออกมามุงดูเยอะ ก็ขับรถจักรยานยนต์ที่ชนเด็กหนีไปทางถนนใหญ่หน้าหมู่บ้าน

ซึ่งน่าจะเป็นรถยนต์จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ทะเบียนสุรินทร์ 7655 แต่จำหมวดอักษรไม่ได้ คนขับใส่เสื้อสีส้ม ทรงผมสกินเฮด

ส่วนนายจักรกรฤษณ์ พ่อของน้องฟูม กล่าวว่า จากนั้นตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสุรินทร์ แต่เหมือนกับตำรวจไม่อยากรับเรื่องแจ้งให้ ซึ่งก็ทำให้เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง จนถึงขณะตำรวจก็ยังไม่รับแจ้งความ

โดยเหตุเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตนไปแจ้งความเมื่อวันศุกร์และวันเสาร์ไปถึง 2 รอบ ก็ไม่ได้เรื่องเลย โดยให้เหตุผลว่าให้เราไปตามหมวดทะเบียนรถมาให้ได้ ตนไม่รู้จะไปหาได้อย่างไร

ซึ่งก็ทำให้เราได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องของค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดรวมถึงต้องไปทำฟันอีก ในตอนนี้อาการน้องฟันโยก ปากเป็นแผลฉีก ในตอนนี้เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ 1 หมื่นบาทแล้ว ก็ต้องเข้าออกโรงพยาบาลต่อเนื่อง

ในวันที่ 6 ก.ย. นี้ก็ต้องเขาไปอีกเพื่อทำฟันและตัดไหม และต้องเอกซเรย์สมองด้วยแต่ไม่มีเงิน ก็เลยยังไม่ได้เอกซเรย์ ซึ่งตอนนี้จะต้องใช้ใบแจ้งความจากสถานีตำรวจไปประกอบด้วย เพื่อไปเบิกค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาล

ก็อยากฝากไปถึงคู่กรณีที่ชนลูกสาวอย่างให้มารับผิดชอบ และก็ขอความกรุณาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้รับเรื่องแจ้งความด้วย จะได้ไปเบิกเงินประกันได้และไม่ต้องเสียเงินตนเอง

จากนั้น วันเดียวกันนี้ (3 ก.ย. 61) เวลา 11.00 น. น.ส.ภัทราภรณ์ และ นายจักรกรฤษณ์ พ่อแม่ของน้องฟูม ได้เดินทางไปยัง สภ.สุรินทร์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.เชษฏฐ์สุชา ไกรแก้วโชติรัตน์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ แล้ว

โดย พ.ต.ท.เชษฏฐ์สุชา ไกรแก้วโชติรัตน์ ได้รับเรื่องไว้แล้ว พร้อมระบุว่า จะทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป สำหรับการติดตามตัวคู่กรณีที่ขับรถ จยย. ชนนั้นคงไม่ยาก เพราะทราบหมายเลขทะเบียนและจังหวัด รวมทั้งรุ่นรถแล้ว แม้จะยังไม่ทราบหมวดอักษรก็ตาม

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ พร้อมเปิดเผยว่า ตนจะได้สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผู้เสียหายอีกครั้ง

พร้อมทั้งจะทำการสอบถามร้อยเวรประจำวัน ที่พ่อแม่ของน้องฟูมไปแจ้งความเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2561 ถึงสาเหตุและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าทำไมถึงไม่รับแจ้งความ เพราะเป็นหน้าที่ของ จนท.ตำรวจที่จะต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนอยู่แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook