18 เหตุผลที่ทำให้ เร้ด เดวิลส์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก(ภาค 1)

18 เหตุผลที่ทำให้ เร้ด เดวิลส์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก(ภาค 1)

18 เหตุผลที่ทำให้ เร้ด เดวิลส์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก(ภาค 1)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

18 เหตุผลที่ทำให้ "เร้ด เดวิลส์" คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก(ภาค 1)
             
               แม้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะทำได้เพียงเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสมอกับ อาร์เซน่อล 0-0 ในเกมนัดตัดสินแชมป์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ก็เพียงพอต่อการคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันรอบที่ 2 เป็นสโมสรแรกของอังกฤษ และเป็นการทำสถิติคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีเป็นสมัยที่ 18 เทียบเท่ากับ ลิเวอร์พูล หลังจบเกมนี้ผมได้ลองเข้าไปดูเว็บไซต์ทางการของทีม "เร้ด เดวิลส์" ก็ได้พบกับบทความน่าสนใจอยู่บทความหนึ่ง กลั่นออกมาจากใจของ นิค ค็อปแพ็ค คอลั่มนิสต์คนดังประจำสโมสรซึ่งแฟนบอล "เร้ด อาร์มี่" บางท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อผ่านหูกันมาบ้าง ตานิคแกเขียนถึงเหตุผลที่ทีม "ปีศาจแดง" สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้มาครอง โดยจาระไนออกมาได้ถึง 18 เหตุผลเลยทีเดียว ผมก็เลยลองแปลมาให้ได้อ่านกัน แต่ขอแบ่งเป็นสองภาคนะครับ เพราะบทความช่างยาวเหลือเกิน
 
1.การกลับมาสู่ฟอร์มสุดยอดของ ไรอัน กิ๊กส์
หากเขาแขวนสตั๊ด ไรอัน กิ๊กส์ จะถูกจดจำในฐานะปีกซ้ายที่เจ๋งที่สุดคนหนึ่งแน่นอน แต่ฤดูกาลนี้เขาถูกจับไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง ในตำแหน่งซึ่งเปิดโอกาสเขาได้ใช้มันสมองและการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมทลายแนวรับของคู่ต่อสู้ ฟอร์มของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเพื่อนร่วมอาชีพนักเตะคนอื่นๆ เลย และในเดือนพฤษภาคมเขาได้รับการโหวตให้รับรางวัล PFA นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีไปครอง
 
2.เจ้าหนุ่มน้อย มาเคด้า
เด็กหนุ่มวัย 17 ทุกคนคงใฝ่ฝันถึงการยิงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บต่อหน้าอัฒจันทร์ฝั่ง สเตรทฟอร์ด เอนด์ ในการประเดิมสนามนัดแรก แต่ เฟเดริโก้ มาเคด้า สามารถทำได้จริงๆ ช่วงที่เวลากำลังหมดไปในเกมที่พบกับ แอสตัน วิลล่า พ่อหนุ่มชาวอิตาเลียนสัมผัสบอลอย่างสวยงามหนึ่งจังหวะก่อนจะตวัดบอลโค้งเสียบมุมบนเสาไกล สุดปัญญาที่ แบรด ฟรีเดล จะป้องกันได้ เสียงโห่ร้องยินดีของแฟนบอลบนสแตนด์บอกให้รู้ว่าเด็กวัยรุ่นคนนี้ได้กลายเป็นฮีโร่ไปในทันที เท่านั้นยังไม่พอ 6 วันต่อมาเขาลงมาเป็นตัวสำรองอีกครั้งและยิงประตูชัยให้ทีมในเกมเยือน ซันเดอร์แลนด์ ช่างสุดยอดจริงๆ!

3.บุรุษผู้มาจากเซอร์เบีย
เนมานย่า วีดิช คือ ตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของสโมสรด้วยผลงานอันเหนือชั้นในฤดูกาลนี้ เขาเป็นเพียงคนเดียวในแผงแนวรับที่ได้ลงเล่นทุกนัดในการทำลายสถิติไม่เสียประตูนานที่สุด แถมยังเป็นคนยิงประตูสุดสำคัญในช่วงท้ายเกมอีกด้วย (จำประตูชัยเหนือซันเดอร์แลนด์ ในนาทีสุดท้ายได้ไหม?) แน่นอนเขาย่อมต้องการลืมการเสียประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ความผิดพลาดนั้นก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา

4.การรักษาสถิติไม่เสียประต
คุณไม่มีทางชนะเกมฟุตบอลหากคู่ต่อสู้ยิงประตูได้มากกว่า ดังนั้นรูปแบบการเล่นที่ดีที่สุดก็คือพยายามอย่าเสียประตูเข้าไว้ ซึ่ง "เดอะ เร้ดส์" ทำสถิติได้ต่อเนื่องถึง 14 นัดตั้งแต่ 8 พ.ย. ถึง 18 ก.พ. ทำลายสถิติใหม่ของอังกฤษ ซึ่งอันที่จริงประตูที่ โรเก้ ซานตา ครูซ กองหน้าแบล็กเบิร์น ส่งบอลผ่านมือ โทมัสซ์ คุสซ์แซ็ก ในเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ระยะเวลาที่ไม่เสียประตูในลีกก็ผ่านมาถึง 1334 นาทีแล้ว คำหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในใจเลยก็คือ "ไร้ช่องโหว่" (watertight)

5.กฏแห่งการเป็นเจ้าบ้าน
เมื่อ ลิเวอร์พูล หยุดเพื่อลองคิดดูว่าพวกเขาพลาดตรงไหนล่ะก็ พวกเขาจะต้องนึกถึงแต้มที่หลุดมือไปใน แอนฟิลด์ อย่างแน่นอน (12 แต้มเข้าไปแล้วในฤดูกาลนี้) แต่ในขณะที่พวกหนุ่มๆ ของราฟาทำได้แค่เสมอในบ้านในการพบกับทีมอย่าง สโต๊ก ซิตี้ และ ฟูแล่ม แต่สำหรับ ยูไนเต็ด พลาดใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แค่ในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล (1-1), ลิเวอร์พูล (1-4) และ อาร์เซน่อล (0-0) เท่านั้น

6.วันที่อยากจะลืม

เหล่า "เดอะ เร้ดส์" ทุกคนคงอยากจะลบความทรงจำเกี่ยวกับเกมในวันนั้นออกไปจากใจ แม้นั่นจะไม่มีผลอะไรกับการลุ้นแชมป์ของยูไนเต็ดก็ตาม การแพ้ 1-4 คาบ้านต่อทีมคู่ปรับตัวฉกาจย่อมไม่ใช่เรื่องน่าพอใจ แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นการนำทุกคนกลับสู่โลกแห่งความจริง เมื่อแฟนบอลและเหล่าสื่อมวลชนพากันพูดถึงการคว้าแชมป์สมัยที่ 18 อย่างจริงจัง มันเป็นห้วงเวลาที่คอยเตือนสถิติทุกคนว่าไม่มีอะไรแน่นอนในโลกฟุตบอล

7.ทุกคนช่วยกันยิงประตู
ทุกทีมที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องมีกองหน้าที่คอยทำประตูอย่างน้อย 1 คน สำหรับ "เดอะ เร้ดส์" คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เวย์น รูนี่ย์ ยิงประตูให้ทีมได้เป็นส่วนใหญ่ แต่พวกเขาเป็นเพียง 2 ใน 15 นักเตะที่ยิงประตูในลีกได้ในฤดูกาลนี้ ลองคิดดูหากคุณเป็นกองหลังฝั่งตรงข้ามจะน่าหวาดหวั่นเพียงใด และถือเป็นการตอบโต้คำวิจารณ์ในช่วงต้นฤดูกาลว่า "เดอะ เร้ดส์" คอยพึ่งการทำประตูของ โรนัลโด้ มากเกินไปด้วย

8.ความรู้สึกกระหายชัยชนะ
ไม่มีใครหยุดยั้งแรงขับเคลื่อนของ "เดอะ เร้ดส์" ได้ รวมถึงการเสียสมาธิหรืออาการเหนื่อยล้าของนักเตะ การเดินทางไปญี่ปุ่นในเดือนธันวาคมเพื่อลงเตะ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ กลับทำให้ผู้เล่นของ ยูไนเต็ด กระปรี้กระเปร่าและกระหายความสำเร็จมากขึ้น การกลับมาหลังคว้าแชมป์โลก ยูไนเต็ด ชนะ 19 จาก 20 นัด เริ่มจากเกมที่เฉือนชนะ สโต๊ก ซิตี้ 1-0 ในวัน บ็อกซิ่ง เดย์

9.เดอะ แฟ้บ โฟร์
ฤดูกาลนี้หลายครั้งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอมรับว่ารู้สึก "ปวดหัว" กับการเลือกนักเตะในแนวรุกลงสนาม ผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ทั่วทั้งประเทศต้องใช้เวลาในช่วงบ่ายวันศุกร์ในการลุ้นให้นักเตะของเขาผ่านการทดสอบความฟิต หรือครุ่นคิดถึงฟอร์มการเล่นของเหล่ากองหน้าสตาร์ดัง แต่ เซอร์ อเล็กซ์ มีตัวเลือกในการตัดสินใจเข้าขั้น "เหลือเฟือ" ในการจัดทีมลงเล่น คาร์ลอส เตเวซ มีความขยันและพลังงานอันเหลือล้น, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ควบคุมบอลได้อย่างยอดเยี่ยมและสามารถดึงให้คนอื่นๆ กลับสู่เกมได้, เวย์น รูนี่ย์ สร้างโอกาสให้เพื่อนทำประตูได้ดีพอกับการหาโอกาสยิงเอง  ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถขยับขึ้นไปเล่นกองหน้าได้ดีไม่แพ้ตำแหน่งปีก แน่นอน บางครั้งแม้แต่ เซอร์ อเล็กซ์ ก็ไม่สามารถเลือกใช้งานทั้ง 4 คนได้พร้อมกัน แล้วคุณจะโทษเขาได้ไหมล่ะ?

คราวหน้ามาต่อกันใหม่อีก 9 เหตุผลที่เหลือนะครับ

 

แมนออฟเดอะแมตช์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook