ลูกชายคนโตผกก.เข้าพบตำรวจ อ้างไม่รู้ใครขับรถกระบะพ่อทับเด็ก 2 ศพ

ลูกชายคนโตผกก.เข้าพบตำรวจ อ้างไม่รู้ใครขับรถกระบะพ่อทับเด็ก 2 ศพ

ลูกชายคนโตผกก.เข้าพบตำรวจ อ้างไม่รู้ใครขับรถกระบะพ่อทับเด็ก 2 ศพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความคืบหน้าคดีรถกระบะ ที่เกิดอุบัติเหตุต่อเนื่องจากเหตจุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกันก่อนที่ 2 เด็กสาวขาวเขาเผ่าลีซู (ลีซอ) จะเสียหลักล้มลงกลางถนน และมีรถยนต์กระบะวิ่งมาด้วยความเร็วเลนในสุดทับร่างจนเสียชีวิต ทั้ง 2 คน ก่อนที่จะจอดรถดูเหตุการณ์สักครู่แล้วขับหลบหนีไป ล่าสุดหลังจากที่ทางฝั่งญาติของผู้เสียชีวิตร้องให้ทางชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งมีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มาช่วยเหลือติดตามคดีจนทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ต้องส่ง พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ลงมาช่วยดูแลคดี เนื่องจากทางญาติไม่ค่อยพอใจการทำงานที่ล่าช้าของ สภ.แม่ปิง เจ้าของพื้นที่

จนล่าสุดมีการสั่งให้เร่งติดตามจนทราบว่ารถยนต์กระบะที่ทับร่าง 2 เด็กสาว คือรถยนต์ของ พ.ต.อ.สรโชติ บุญวิเศษ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และได้มีการติดต่อจะให้คนขับ ซึ่งตอนนี้ยังอ้างว่าเป็นลูกชายที่เอารถมาขับในวันเกิดเหตุ

>> เผยแล้ว! กระบะทับ 2 เด็กลีซอดับ เป็นรถของ "นายตำรวจระดับผู้กำกับการ"

ขณะที่วันนี้เวลาประมาณ 15.00 น.นายเจริญ สินลี้ ประธานสมาพันธ์ลีซูแห่งประเทศไทย พร้อม นางจิตตานันท์ อายุ 39 ปี ป้าของเด็กสาวทั้ง 2 คนที่เสียชีวิต และญาติได้เดินทางมาถึงสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง เพื่อรอพบและพูดคุยเจรจากับฝ่ายคู่กรณี ซึ่งจากนั้นประมาณ 30 นาที นายนพรุจ ลูกชายของ นายตำรวจตำแหน่ง ผกก. เป็นเจ้าของรถกระบะ ได้เดินทางตามมาถึง ระบุว่าเป็นตัวแทนของครอบครัวเดินทางมาพบพูดคุยกับทางฝ่ายผู้เสียหาย แม้เบื้องต้นจะยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนขับรถเพราะอยู่จังหวัดหนองคายและเพิ่งเดินทางด้วยเครื่องบินมาถึงและรีบมาที่สถานีตำรวจทันที แต่ทางครอบครัวเสียใจอย่างมากและพร้อมจะแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดห้องประชุมให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน

ทั้งนี้ หลังจากการพูดคุยกันนานประมาณ 15 นาที นายนพรุจได้ออกมาจากห้องประชุม เปิดเผยว่า เบื้องต้นการพูดคุยกังทางฝ่ายผู้เสียหายเป็นไปด้วยดี และตัวเองได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปบางส่วน อย่างไรก็ตามทางฝ่ายผู้เสียหายยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยเจรจากับตัวเองเพียงคนเดียว แต่ต้องการที่จะพบและพูดคุยกับคนที่ขับรถยนต์กระบะที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งตัวเองยังไม่ทราบจริงๆ ว่าเป็นใครขับกันแน่ เพราะเพิ่งเดินทางมาถึงเชียงใหม่และยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆ จึงจะกลับบ้านไปพูดคุยกับครอบครัวก่อนและกลับมาพบพูดคุยกับคู่กรณีที่สถานีตำรวจอีกครั้งในช่วงค่ำวันนี้ (18 ส.ค.61) โดยย้ำว่าครอบครัวเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและจะช่วยเหลือรับผิดชอบเยียวยาอย่างเต็มที่ที่สุด

ส่วนนายเจริญ สินลี้ ประธานสมาพันธ์ลีซูแห่งประเทศไทย ซึ่งนำญาติของฝ่ายผู้เสียหายมาพบกับคู่กรณี เปิดเผยว่า จากการเจรจาขั้นต้นกับทางตัวแทนคู่กรณีที่ทราบว่าเป็นลูกชายคนโต และคู่กรณีตัวจริงยังไม่ได้มาแสดงตัว เบื้องต้นก็เป็นที่น่าพอใจ แต่หากจะให้เรื่องการเจรจาดำเนินเสร็จสิ้นนั้นก็ต้องให้ทางคู่กรณีตัวจริงเข้ามาทำการพูดคุยกับทางญาติผู้เสียหาย เนื่องจากทางฝ่ายผู้เสียหายนั้นเข้าใจว่าในวันนี้ทางคู่กรณีจะเข้ามาพบเจอเองโดยตรง ทั้งนี้ฝ่ายคู่กรณีได้แสดงความเป็นห่วงและพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบ แต่ทางญาติผู้เสียหายก็อยากจะให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เนื่องจากมีข่าวปรากฏไปทางโซเชียลอย่างแพร่หลายและมีผู้ติดตามเรื่องราว รวมทั้งสอบถามกันมาจำนวนมาก ซึ่งหากเรื่องราวชัดเจนและเสร็จสิ้นทางญาติก็จะได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้

สำหรับการเรียกร้องหรือชดใช้ค่าเสียหายกับทางคู่กรณีนั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยเนื่องจากคู่กรณีตัวจริงยังไม่ปรากฎตัว โดยการตัดสินใจทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับทางคู่กรณี และอยากให้ทางคู่กรณีตัวจริงได้มาแสดงความขอโทษกับทางญาติผู้ที่เสียชีวิตด้วย ส่วนจะมาขอขมาอย่างไรนั้น สุดแล้วแต่ทางคู่กรณีที่จะมีความรู้สึกและจิตสำนึกเช่นไร ซึ่งทางญาติผู้เสียชีวิตตอนนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะพูดได้เนื่องจากอยู่ในช่วงเศร้าโศกเสียใจ ทั้งนี้ทราบว่าทางคู่กรณีตัวจริงจะเข้ามาพูดคุยอีกครั้งกับทางญาติในช่วงค่ำเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันนี้อีกครั้ง และคงจะมีการเจรจาถึงการเยียวยาและชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook