สั่งเบรก รง.รับซื้อพืชผลการเกษตร ปลูกสร้างไม่ได้รับอนุญาต-ล้ำแนวเขตป่าสงวน

( 14 ส.ค. 61 )  เจ้าหน้าที่ป่าไม้แม่จางขุนตอน ของหน่วยป้องกันรักษาป่าลำปาง 13 แม่เมาะลำปาง  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามและป้องกันป่าไม้ภาคเหนือ   กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน และ ทหารฝึกรบพิเศษค่ายประตูผาลำปาง  ตำรวจ  สภ.แม่เมาะ และกำนันจางเหนือ และผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปตรวจสอบบริเวณ เส้นทางถนนสายบ้านนาแช่ –บ้านทาน  ตำบลจางเหนือ  อำเภอแม่เมาะ  จังหวัดลำปาง  

หลังพบว่า  มีการร้องเรียนว่า  พบนายทุนเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ  โดยเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นพบ  พบชายหนึ่งคนอ้างว่าเป็นผู้รับจ้างเฝ้าสถานที่ และได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า  สถานที่แห่งนี้มีเจ้าของเป็นผู้ดูแลกิจการ คนหนึ่ง  คือ นายบุญยืน เป็นชาวอำเภอลอง  จังหวัดแพร่ และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่า ที่ผ่านมา มีการขอนำสายไฟฟ้าแรงสูงเข้ามาใช้สถานที่ดังกล่าว และมีการขอหม้อไฟมิเตอร์เข้ามา   

โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีการบุกรุกสถานที่ดังกล่าวนั้นทำเป็นสถานที่รับซื้อพืชไร่และพืชผลทางการเกษตร  โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมด   มีการใช้เสาไม้สลับกับเสาปูนซีเมนต์ฝังลวด ติดลวดหนามล้อมรั้วทำเป็นแนวรั้วทั้ง 3 ด้าน และพบสิ่งปลูกสร้างภายในพื้นที่ มีอาคารถึง 6 หลัง และโกดังเก็บพืชไร่ต่างๆ  รวมไปถึงโรงเก็บของและแท้งค์น้ำเครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุกต่างๆ

ซึ่งอย่างไรก็ตาม จากการสอบถามทางโทรศัพท์ พบนายบุญยืน  ได้ให้การว่า ตนเองนั้นไม่มีหลักฐานการครอบครองพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด  แต่ที่ผ่านมาตนเองเห็นพื้นที่หลักเขตของ ส.ป.ก.  อยู่ใกล้เคียง จากนั้นเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ แสดงแนวเขตป่าสงวน  และแนวเขต ส.ป.ก.ให้นายบุญยืนดูแล้วนายบุญยืนเข้าใจ และยอมรับพื้นที่ดังกล่าวนั้นไม่ได้อยู่ในเขต ส.ป.ก. แต่อย่างใด

โดยนายบุญยืน ให้การว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้น เดิมเป็นพื้นที่ไร่มันสำปะหลัง ตนเองได้ซื้อมาอีกทอดหนึ่งในราคา 20,000 บาท เจตนานั้นต้องการทำพื้นที่การเกษตร  และจากนั้นนำมาดัดแปลงก่อสร้าง  ใช้เป็นพื้นที่รับซื้อพืชผลทางการเกษตร  ซึ่งอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมพิจารณาแล้วเห็นว่า   พื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นการครอบครองโดยกฎหมาย  แต่ไม่พบหลักฐาน อื่นในการครอบครอง หรือ การขออนุญาตเข้าใช้   

โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเบื้องต้นในข้อหา ร่วมกันก่อสร้างเข้า ยึดถือครอบครอง พื้นที่ป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าสงวน

จากการตรวจยึดครั้งนี้ ได้ยึดพื้นที่จำนวน 6 ไร่ ค่าเสียหายของรัฐในเบื้องต้นประเมินแล้ว อยู่ประมาณ 460,000 บาท  อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึด  อาคารสิ่งปลูกสร้าง ทั้งหมด 6 หลัง  รวมไปถึงเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆทั้ งยานพาหนะ ไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป