"ปั๊ม เอเอฟ 5" ยื่นฟ้อง ดร.ไฮโซสาว หลอกลงทุนเช็คเด้ง สูญเงินเกือบ 6 ล้าน

"ปั๊ม เอเอฟ 5" ยื่นฟ้อง ดร.ไฮโซสาว หลอกลงทุนเช็คเด้ง สูญเงินเกือบ 6 ล้าน

"ปั๊ม เอเอฟ 5" ยื่นฟ้อง ดร.ไฮโซสาว หลอกลงทุนเช็คเด้ง สูญเงินเกือบ 6 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(10 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากศาลแขวงนนทบุรี นายคเณศณัฎฐ์ หรือ ปั๊ม AF5 ดารานักร้องและเจ้าของธุรกิจเซรามิก พร้อมด้วย นายพีรนัทธ์ วงศ์สวัสดิ์ ทนายความ ได้เดินทางเข้ายื่นเรื่องฟ้องต่อศาลกรณี ดร.สาวไฮโซ หลอกให้นำเงินมาร่วมลงทุนซื้อขายที่ดิน แต่เมื่อร่วมลงทุนไปแล้วกลับได้ผลตอบแทนเป็นเช็ค เมื่อนำไปขึ้นเงินก็ไม่สามารถขึ้นเงินได้

นายคเณศณัฎฐ์ กล่าวว่าที่ต้องเดินทางมาพร้อมกับทนายความเพื่อยื่นฟ้องไฮโซสาวคนนี้ เนื่องจากเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ตนได้รู้จักกับไฮโซสาวคนดังกล่าวจากการทำธุรกิจเป็นนายหน้าขายที่ดินที่ย่านจรัญสนิทวงศ์ เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่เศษ ซึ่งไฮโซสาวได้ติดต่อตนว่าสนใจที่ดินดังกล่าว เพื่อนำไปทำเป็นศูนย์การค้า

ต่อมาได้ทำการตกลงราคาซื้อขายกันที่ 513 ล้านบาท โดยไฮโซสาวได้นำตราสารหนี้และพันธบัตรราคา 500 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ที่คิดเป็นเงินไทยราคาประมาณ 2,000 ล้านบาทมาให้ดู พร้อมบอกว่าตอนนี้ยังไม่สามารถนำเงินมาจ่ายเป็นค่าที่ดินได้ เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งในการวิ่งเรื่องโอนเงินระหว่างประเทศ ก่อนจะขอยืมเงินจากตนเป็นค่าวิ่งเรื่องโอนเงินดังกล่าวหลายครั้ง รวมเป็นเงินเกือบ 6 ล้านบาท

หลังจากตนก็หลงเชื่อโอนเงินไปให้แล้ว ก็ได้มีการทวงถามเรื่องการซื้อขายที่ดินพร้อมกับเงินที่ยืมไป ทางไฮโซสาวได้บ่ายเบี่ยงมาตลอดว่าเงินยังไม่ได้ให้รอก่อน หลังจากนั้นจึงจ่ายเช็คคืนกลับมาให้กับตน แต่เมื่อนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารก็ปรากฎว่าเช็คดังกล่าวไม่มีเงินในบัญชีแต่อย่างใด จึงมั่นใจว่าถูกหลอกแน่นอน

ก่อนจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปปรึกษากับทนายความจนตัดสินใจยื่นฟ้องด้วยตนเองต่อศาลในวันนี้เนื่องจากคดีเช็คจะมีอายุความในการฟ้องร้องเพียง 3 เดือนหากเลยจากนี้จะทำอะไรไม่ได้

ส่วนสาเหตุที่ตนหลงเชื่อไฮโซสาวคนดังกล่าวนั้น เนื่องจากช่วงที่มีการติดต่อซื้อที่ดินกันนั้นไฮโซคนดังกล่าวได้พาตนไปยื่นเรื่องที่สถานกงสุลและพาไปทำธุรกรรมที่ธนาคารจนน่าเชื่อถือ ประกอบกับเขาไปถึง ดร.ที่มีชื่อเสียงมีความรู้จึงทำให้เชื่อใจร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วย จึงอยากฝากเตือนคนที่จะทำธุรกิจร่วมกับใครต้องตรวจสอบเอกสารทุกอย่างให้รอบครอบ อย่าหลงเชื่อว่าคนมีชื่อเสียงมีฐานะทางสังคมจะไว้ใจได้จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อเหมือนอย่างตน

สำหรับประเด็นที่มีข่าวว่า พ่อของตนเครียดเรื่องดังกล่าว ทำให้เป็นโรคซึมเศร้านั้น ความจริงแล้วพ่อก็มีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้ว แต่พอมาทราบเรื่องนี้ก็ทำให้มีผลกระทบจนอาการทรุดลงไปอีก ส่วนตนก็พบว่าเริ่มมีอาการของโรคดังกล่าว เมื่อไปพบแพทย์ก็ยืนยันว่าตนมีอาการขั้นเริ่มต้น ต้องเข้าทำการรักษาตัวเหมือนกัน ส่วนด้านคดีความหลังจากยื่นเอกสารหลักฐานต่อศาลแล้วได้มีนัดไตร่สวนมูลฟ้องในวันที่ 16 ตุลาคม 2561

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook