ล้อมจับมือยิงเอ็ม 16 ฆ่าตำรวจน้ำพี่ชายแท้ๆ หนี 8 ปี กลับมาเยี่ยมลูกเมีย
(23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม ผกก.สส.ภ.จว.กระบี่ พร้อมด้วย พ.ต.ท.นพดล กล่อมพงษ์ สว.สส.ภ.จว.กระบี่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ได้นำกำลังกว่า 10 นาย เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 432 ม.5 ต.โคกยาง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ หลังสืบทราบว่า ได้มีผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นและเป็นบุคคลอันตราย อาจมีอาวุธปืนร้ายแรง ได้มาพักอาศัยอยู่ ซึ่งเมื่อไปถึงได้พบว่าบ้านหลังดังกล่าวปลูกเป็นบ้านเดี่ยว ชั้นเดียว และพบประตูบ้านเปิดอยู่ จึงวางกำลังพร้อมอาวุธปืนครบมือกระจายปิดล้อม จากนั้นได้เรียกคนในบ้านให้ออกมา และจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้
โดยผู้ต้องหาคือ นายเกียรติชัย หรือ หนึ่ง อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ เลขที่ 329/2554 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2554 ในข้อหา ฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน-เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย มีอาวุธปืน-เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือมีเหตุจำเป็นหรือเร่งด่วน เบื้องต้นชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จากนั้นนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เหนือคลอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 9 ตุลาคม 2554 โดย ส.ต.อ.เกียติศักดิ์ หรือ จุก อายุ 36 ปี ตำรวจน้ำกระบี่ ได้กลับบ้านไปงานแต่งงาน ขากลับได้แวะที่บ้านของนายเกียรติชัย หรือ หนึ่ง ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ช่วงขณะนั้นอายุ 26 ปี พบเห็นว่ามีเพื่อนนั่งอยู่หลายคน จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนว่าอย่ามั่วสุมยาเสพติด จากนั้นผู้ตายก็ได้ขับรถ จยย.ออกจากบ้านไปตามถนนสายโคกยาง-บางผึ้ง หมู่ 5 นายเกียรติชัย ผู้ต้องหา ได้ขับรถตามมาแล้วเกิดมีปากเสียงกันขึ้น นายเกียรติชัยจึงได้ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ที่เบ้าตาจนทะลุท้ายทอยเสียชีวิต ก่อนหลบหนีไป และได้ย้อนกลับมาที่บ้าน หลังหนีอยู่ 8 ปี
พ.ต.อ.พิษณุ เปิดเผยว่า การนำกำลังพร้อมอาวุธครบมือครั้งนี้ เนื่องจากมีรายงานว่า ผู้ต้องหานั้น เป็นบุคคลอันตราย และอาจมีอาวุธร้ายแรงพกติดตัว ซึ่งเพิ่งได้เดินทางมาบ้านเพื่อเยี่ยมภรรยา หลังจากได้หลบหนีไปอยู่ที่อื่นนานหลายปี และเมื่อไปถึงพบว่า ผู้ต้องหาอยู่ในบ้านพร้อมภรรยาและลูก 2 คน จึงได้เรียกให้ออกมาจับกุมตามหมายจับ และเมื่อตรวจค้นบ้านและรอบๆ บริเวณไม่พบอาวุธปืนหรือสิ่งผิดกฎหมาย จึงนำผู้ต้องหามาสอบสวนที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) กระบี่ ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ