ออกหมายจับแล้ว 5 คนสนิท ช่วย อดีตพระพรหมเมธี หนีข้ามไปฝั่งลาว

ออกหมายจับแล้ว 5 คนสนิท ช่วย อดีตพระพรหมเมธี หนีข้ามไปฝั่งลาว

ออกหมายจับแล้ว 5 คนสนิท ช่วย อดีตพระพรหมเมธี หนีข้ามไปฝั่งลาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด หลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการระดมกำลังกองปราบ และตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ จ.นครพนม 

เพื่อติดตามจับกุมตัว พระพรหมเมธี หรือ เจ้าคุณจำนงค์ เอี่ยมอินทรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กทม. หนึ่งในผู้ต้องหาความผิดเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ที่หลบหนีมา ในพื้นที่ จ.นครพนม ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา

ก่อนหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ทางด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน โดยมีการทิ้งหลักฐาน เป็นรถตู้พบรถยนต์ตู้ โตโยต้า อัลพาร์ด สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 3 กภ 8672 กทม. ซึ่งพระพรหมเมธี ใช้ในการเดินทางหลบหนี มาจาก กทม. นำจอดทิ้งไว้ใกล้กุฏิพระเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม

หลังการหลบหนีเจ้าหน้าที่จึงได้ยึดมาตรวจสอบและสืบสวนหาเบาะแส จนกระทั่งล่าสุดมีการประสานงานจับกุมตัวได้ หลังหนีไปประเทศเยอรมนี แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาขอตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย

ส่วนการสืบสวนติดตามจับกุมตัว พระพรหมเมธี ในครั้งนี้ ทางตำรวจได้กุญแจสำคัญ หลังจากสามารถควบคุมตัวสีกาคนสนิท ที่ให้การช่วยเหลือในการหลบหนี คือ นางศศิร์อร อายุ 54 ปี ภูมิลำเนาอยู่ กทม.

ซึ่งตรวจสอบประวัติพบว่า เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง นอกจากนี้ ยังมีสามีไปประกอบธุรกิจทำเหมืองแร่ ใน สปป.ลาว ทำให้รู้ช่องทางในการเลี่ยงการจับกุม และสามารถพาหนีออกนอกประเทศได้ง่าย 

รวมถึงมี ลูกศิษย์คนสนิท อีก 1 คน คือ นายพีรวิช อายุ 28 ปี โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า สีกาคนสนิท รวมถึงลูกศิษย์ อีกคน อยู่ในการควบคุมของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และยังมีชาวลาว อีก 3 คน ที่ให้การช่วยเหลืออยู่ระหว่างการหลบหนี

ล่าสุด ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจนครพนม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เสนอศาลจังหวัดนครพนม และมีการอนุมัติออกหมายจับบุคคลที่ให้การช่วยเหลือพระพรหมเมธีแล้ว รวม 5 คน มี 1.นางศศิร์อร อายุ 54 ปี สีกาคนสนิท 2.นายพีรวิช อายุ 28 ปี เป็นคนที่คอยให้การช่วยเหลือส่วนอีก 3 คน เป็นชาวลาว ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี 

ซึ่งตำรวจจะได้เร่งประสานงานติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษ จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ทางด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ระบุว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ ขึ้นอยู่กับทางผู้บังคับบัญชาระดับสูง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะสั่งการ

ส่วนตำรวจในพื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมาย แต่ไม่สามารถให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลเชิงลึกได้ จะต้องรอคำสั่งผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เกรงว่าจะกระทบการทำงานของตำรวจ

>> ลำดับการหนีของ "อดีตพระพรหมเมธี" จากชายแดนไทย ลัดเลาะประเทศเพื่อนบ้านบินไปเยอรมนี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook