ตำรวจ 192 นายร้องเรียน "อดีตผู้การ" เบี้ยวเงินกว่า 200 ล้านบาท

(25 พ.ค.) ตัวแทนตำรวจเดินทางเข้ายื่นหนังสือ ขอความเป็นธรรมจากผู้บัญชาการ ตำรวจภาค 4 หลังจากได้รับความเดือดร้อน จากการเข้าร่วม "โครงการบริหารหนี้" มีอดีต ผบก.ภ.จว.เลย ในฐานะประธานสหกรณ์เป็นผู้ริเริ่มโครงการ ที่เข้ามาแจ้งกับผู้เข้าร่วมโครงการว่า จะดำเนินการเรื่องภาระหนี้สินกับสถาบันการเงินให้ แต่พบว่าสถาบันทางการเงินยังได้ทวงถาม จึงทำให้ทราบว่าทางอดีต ผบก.ภ.จว.เลย ไม่ได้ดำเนินการชำระหนี้ให้แต่อย่างใด

ปัจจุบันมีตำรวจได้รับความเดือดร้อน 192 นาย รวมเงินกว่า 200 ล้านบาท ตัวแทนตำรวจจึงได้ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 เพื่อขอความเป็นธรรม และเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหา จากการสอบถามแหล่งข่าว ทราบว่า โครงการบริหารหนี้ เป็นโครงการที่เกิดจากแนวคิดของ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้สินให้กับตำรวจในสังกัด เพื่ออบรรเทาภาระหนี้สินสมมุติ ในกรณีตำรวจมีหนี้สินกับธนาคารออมสิน 3 ล้านบาท อดีต ผบก.ภ.จว.เลย จะปรับโครงสร้างหนี้ โดยให้กู้กับสหกรณ์ 3 ล้าน เพื่อให้นำเงินไปใช้หนี้กับทางธนาคาร เพื่อให้มีภาระหนี้สินกับสหกรณ์เพียงแห่งเดียว

แต่ในความเป็นจริงการอนุมัติกู้ยืมนั้นมีเงื่อนไขว่าเมื่อกู้เงินจากสหกรณ์แล้ว ต้องร่วมลงทุนร้อยละ 50 คือหากสหกรณ์อนุมัติเงินกู้ 3 ล้าน จะต้องร่วมลงทุน 1.5 ล้านบาท โดยรับปากว่าจะได้ผลตอบแทน หนึ่งล้านบาทได้ 5 พันบาท แต่หากใครกู้แต่ไม่ร่วมลงทุนทางสหกรณ์จะไม่เซ็นอนุมัติให้ตามวงเงิน หรือถ้าไม่ร่วมลงทุนก็ไม่ให้กู้ ทำให้ตำรวจทั้ง 192 คนตกลงใจ โดยจะได้รับเช็ค 2 ใบ ใบหนึ่งใช้หนี้กับสถาบันการเงิน อีกใบหนึ่งลงทุนโดยสลักหลังเซ็นชื่อตัวเองและอดีตผบก.ภ.จว.เลย เพื่อแนบกับเอกสาร สัญญาการลงทุน

โดยพบว่า 4 เดือนแรกได้เงินปกติ แต่ 4- 6 เดือนที่ผ่านมา กลับพบว่าตำรวจไม่ได้เงินปันผลเลย มีการผัดผ่อนมาตลอด นอกจากนี้พบว่าทางสถาบันการเงินได้ทวงถามหนี้สินมา จึงทำให้ทราบว่า ที่ผ่านมาทางสหกรณ์ไม่ได้นำเงินไปใช้หนี้ แต่กลับนำเงินไปลงทุนทั้งหมด ทำให้ตำรวจมีภาระหนี้สินถึง 2 ทาง และเพิ่มขึ้นๆ ได้รับความเดือดร้อน จะถูกยึดบ้าน ยึดรถ ยึดที่ดิน

ล่าสุด ขณะนี้รอง ผบช.ภ.4 ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง รวมทั้งเส้นทางการเงินแล้ว ว่า อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ได้นำเงินไปใช้ใน เรื่องใดบ้าง