2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ชายจีนจำนวนมากต่างไปสมัครเรียนคอร์สสอนวิธีการจีบและออกเดทกับผู้หญิง เพื่อสร้างความมั่นใจและช่วยผู้ชายโสดหาคู่ครอง ขณะที่อัตราการแต่งงานของคนจีนในระยะหลังมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ
剩男 (Shengnan) แปลว่า “ผู้ชายที่เหลือ” ซึ่งในที่นี้หมายถึง “ผู้ชายที่ยังหาคู่ชีวิตไม่ได้” เป็นผลจากนโยบายลูกคนเดียวที่เคยบังคับใช้เพื่อควบคุมจำนวนประชากรจีนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดปัญหาช่องว่างระหว่างเพศ ประชากรชายมีจำนวนสูงกว่าประชากรหญิงมาก
รายงานตัวเลขประชากรของจีนพบว่า ในปี 2016 ประชากรชายในจีนมีมากกว่าประชากรหญิงถึง 33.6 ล้านคน ดังนั้นแล้วการสร้างความประทับใจให้แก่ผู้หญิงเพื่อที่จะแต่งงานและสืบสกุลครอบครัวนั้นจึงมีความสำคัญยิ่งในสังคมจีน ส่งผลให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนสอนการ “เดท” และจีบผู้หญิงต่างเติบโตขึ้นในเมืองใหญ่ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการหาคู่ครอง
ในหลักสูตรเพื่อการ “ออกเดท” จะมีการสอนตั้งแต่วิธีการขอเบอร์โทรศัพท์ ขอไอดี WeChat ไปถึงการวางตัวในการเข้าสังคม จนกระทั่งวิธีการออกเดทและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้หญิง โดยสนนค่าใช้จ่ายต่อ 1 คอร์สออนไลน์จะเริ่มที่ 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,000 บาท) และเรียนแบบส่วนตัวกับโค้ชจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 4,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ140,000 บาท
จาง หมินตง เจ้าของโรงเรียนสอนการจีบผู้หญิงแห่งหนึ่งในเมืองชานตง กล่าวว่า “ตั้งแต่เปิดตัวคอร์สเทคนิควิธีการจีบผู้หญิงในปี 2014 ปัจจุบันมีนักเรียนที่มาเรียนแล้วกว่า 300 คน และกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่จบคอร์สนี้ไปส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จในการหาแฟนหรือคู่ครอง”
“กลุ่มลูกค้ามีตั้งแต่อาจารย์ในระดับมหาวิทยาลัย ไปจนถึงเจ้าของกิจการต่างๆ โดยอายุน้อยสุดคือ 19 ปี และอายุมากสุด 59 ปี ลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเคยมีแฟนมาเเล้วทั้งสิ้น แต่ก็เลิกกันเนื่องจากความไม่เข้าใจผู้หญิง” อี๋กุ๊ย เจ้าของโรงเรียนเลิฟเอนเนอร์จี โรงเรียนสอนการเดตในจีน กล่าว
เขายังกล่าวว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาเรียนนั้น ต้องการที่จะเรียนรู้เทคนิคการพูดคุยกับผู้หญิง รวมไปถึงวิธีการหาคู่ครองที่เหมาะสมกับตนเอง
ที่ผ่านมา มีรายงานตัวเลขจากทางการจีนเปิดเผยว่า อัตราการแต่งงานของประชากรจีนนั้นลดลงอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2013 อัตราการแต่งงานมีถึง 9.92 เปอร์เซ็นต์ต่อประชากร 1,000 คน ขณะที่ในปี 2016 ตัวเลขการแต่งงานลดลงเหลือ 8.3 เปอร์เซ็นต์ต่อประชากร 1,000 คนเท่านั้น สอดคล้องกับตัวเลขการเกิดของประชากรที่ลดลงติดต่อกัน 2 ปี โดยในปี 2017 อัตราเด็กเกิดใหม่ในจีนลดลงกว่า 7 ล้านคน ขณะที่จำนวนผู้สูงอายุกลับเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันจีนกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยอายุเฉลี่ยของคนจีนยาวขึ้นจาก 74.83 ปีในปี 2010 เป็น 76.5 ปีในปัจจุบัน และรัฐบาลจีนคาดว่าจะมีผู้สูงอายุกว่า 400 ล้านคน ภายในปี 2035 จนนำไปสู่การเตรียมยกเลิกนโยบายจำกัดการมีลูกของแต่ละครอบครัวเพื่อทดแทนประชากรวัยแรงงานที่กำลังลดลงในอนาคตอันใกล้นี้