คำพูดสุดท้าย “จะไปแล้วนะแม่” หนุ่มป่วยไบโพล่าร์ผูกคอตาย เพราะน้อยใจเมีย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (5 พ.ค.) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนผูกคอเสียชีวิต ภายในบ้านหลังหนึ่ง ม.8 บ.หนองข่า ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ เมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุซึ่งมีลักษณะคล้ายกับห้องแถว พบญาติและเพื่อนบ้านยืนอยู่บริเวณหน้าห้องที่เกิดเหตุ  

เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในห้องนอน พบร่างนายอรรถพล หรือ แบงค์ อายุ 25 ปี ใช้เชือกไนล่อนผูกคอตัวเองกับขื่อห้อง ในสภาพสวมกางเกงยีนส์ขาสามส่วน เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ หันหน้าเข้าผนังห้อง คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วหลายชั่วโมง ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้ายแต่อย่างใด

คาดว่าเสียชีวิตจากการใช้เชือกผูกคอตัวเอง ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพศพและภายในห้องที่เกิดเหตุแล้ว ไม่พบความผิดปกติอะไร จึงได้ให้ญาติและชาวบ้านนำร่างนายอรรถพลลงมาไว้บนที่นอน ซึ่งญาติก็ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตาย แต่ก็ต้องส่งศพให้แพทย์ตรวจชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง ก่อนจะมอบศพให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

จากการสอบถาม นางชะอุ่ม อายุ 60 ปี ผู้เป็นแม่เล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกชายมีอาการป่วยด้วยโรคไบโพลาร์ หรืออารมณ์ 2 ขั้วมาสักระยะแล้ว โดยจะมีภาวะเดี๋ยวอารมณ์ดีเดี๋ยวซึมเศร้า จึงต้องกินยาเป็นประจำ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลูกชายคิดสั้นน่าจะเป็นเรื่องที่น้อยใจภรรยา

ซึ่งลูกชายอยู่กินกับภรรยามีลูกด้วยกัน 1 คนอายุ 4 ขวบ แต่ทั้งสองจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้งเคยเลิกรากันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อ 2 เดือนก่อนได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก แต่ก็มีเรื่องระหองระแหงกันบ่อยเพราะลูกสะใภ้เป็นพนักงานเชียร์เครื่องดื่มต้องออกไปทำงานกลางคืน จึงอาจจะมีหึงหวงกันเป็นธรรมดา 

ล่าสุด ลูกสะใภ้ออกไปทำงาน 3 วัน ก็ยังไม่เห็นกลับมาบ้านลูกชายจึงมาบ่นด้วยความน้อยใจให้ฟัง ซึ่งตนเองก็พยายามปลอบใจลูก โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นวานนี้ ลูกชายได้ขับรถไปหาตนที่ไปร่วมงานแต่งเพื่อน แล้วไปบอกว่า “จะไปแล้วนะแม่” ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าลูกแวะมาบอกว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน จากนั้นก็ไม่รู้ว่าลูกชายกลับเข้าบ้านตอนไหน  กระทั่งรุ่งเช้าก็เห็นลูกชายใช้เชือกผูกคอตายแล้ว ก็ไม่คิดว่าลูกจะคิดสั้นแบบนี้

>>> ไบโพล่าร์ หรือคนสองบุคลิก สิ่งที่คุณอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้

>>> ไบโพล่าร์ไม่ใช่คนบ้า! "ดีเจเคนโด้" เปิดใจแค่ยอมรับว่าป่วยก็รักษาหายได้