หนุ่มรัสเซียจี้ชิงเงินบูธแลกเงิน ปากแข็ง อ้างเงินเกือบล้าน เป็นทรัพย์สินส่วนตัว

หนุ่มรัสเซียจี้ชิงเงินบูธแลกเงิน ปากแข็ง อ้างเงินเกือบล้าน เป็นทรัพย์สินส่วนตัว

หนุ่มรัสเซียจี้ชิงเงินบูธแลกเงิน ปากแข็ง อ้างเงินเกือบล้าน เป็นทรัพย์สินส่วนตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายสวมหมวกนิรภัย ซึ่งคาดว่าจะเป็นชาวต่างชาติ บุกเข้าไปทำร้าย น.ส.สุนีย์ อายุ 30 ปี พนักงานสาวบูธแลกเงินจนสลบขณะเปิดสำนัก งาน ก่อนจะชิงเอากระเป๋าใส่เงินเกือบ 1,000,000 บาท หลบหนีไป ภายในบูธแลกเงินตราต่างประเทศ ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท หมู่ที่ 2 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ทำการควบคุมตัว MR.NIKOLAY RYBALOV อายุ 32 ปี สัญชาติรัสเซีย ได้คาสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมเงินสดจำนวนหนึ่ง ขณะเตรียมตัวเดินทางออกนอกประเทศ บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (15 เม.ย.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวราขาน รอง ผบ.ตร.เดินทางมายัง สภ.นาจอมเทียน เพื่อร่วมสอบปากคำ MR.NIKOLAY พร้อมกันนี้ยังได้เชิญตัว น.ส.ชัชชญา อายุ 33 ปี เจ้าของบูธเงินดังกล่าวเข้าร่วม ซึ่งจากการนำตัว MR.NIKOLAY เบื้องต้นยังคงให้การภาคเสธ

พล.ต.อ.เฉลิมกียรติ ศรีวราขาน รอง ผบ.ตร.เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำ MR.NIKOLAY เบื้องต้น ทราบว่าผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 3 เดือนแล้ว โดยเช่าบ้านอยู่กับภรรยาในบ้านที่เข้าตรวจค้น โดยเคยมีอดีตเป็นทหารในรัสเซีย

ต่อมาได้ออกมาทำอาชีพค้าคอนโดและรถยนต์ ก่อนเตรียมแผนจะย้ายมาปักหลักที่เมืองพัทยา โดยไปหาสมัครงานตามฟิตเนสต่างๆ แต่ยังหางานทำไม่ได้จนเงินใกล้หมด จึงอาจเป็นกรณีที่ตัดสินใจก่อเหตุในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ผู้ต้องหายังคงให้การภาคเสธ. โดยกล่าวว่าทรัพย์สินที่พบเป็นเงินสดทั้งไทย และเงินดอลลาร์มีมากรวมจำนวนกว่า  997,097 บาท เป็นทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งกรณีนี้ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถกระทำได้

แต่จากการตรวจพบของกลางทั้งเสื้อผ้า รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ถุงมือ และหมวกนิรภัยที่พบบ้านพัก รวมทั้งเงินสดและเป้บรรจุเงินที่สนามบิน พบว่ามีลักษณะตรงกันและใกล้เคียงกับภาพวงจรปิดอย่างมาก

ซึ่งจากนี้จะได้นำหลักฐานทั้งหมดส่งไปตรวจพิสูจน์ที่นิติวิทยาศาสตร์ จากนั้นจะได้รวบรวมสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป โดยได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้ 2 ประเด็น ได้แก่ 1.ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมกันนี้ จะได้ทำการสอบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการอีกด้วย อาทิ ภรรยาของผู้ต้องหาซึ่งไม่ทราบได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

ขณะที่ น.ส.ชัชชญา เจ้าของกิจการ พร้อมพนักงานนำกระเช้าส่งมอบให้กับรอง ผบ.ตร.เพื่อแสดงความขอบคุณ ก่อนจะเปิดเผยว่ารู้สึกดีใจและอุ่นใจเป็นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ

และสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ในระยะเวลาอันสั้น ก่อนที่ผู้ต้องสงสัยจะหลบหนีออกนอกประเทศ ส่วนเงินที่ถูกก่อเหตุนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 6.7 แสนบาทนั้น ยังไม่ทราบได้ว่าผู้ต้องหานำไปใช้อะไรบ้างแล้ว แต่ก็ยังดีใจแม้จะได้คืนไม่เต็มจำนวน

ขณะที่ น.ส.สุนีย์ อายุ 30 ปี พนักงานที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บนั้น หลังเกิดเหตุได้นำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งพบว่าอาการหนักพอสมควร แต่ไม่มีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง และภาวะจิตใจดีขึ้นแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook