“เชพจิ๊บ” ความสำเร็จเกิดขึ้นได้..เมื่อถูกจุดประกาย
หนึ่งในอาชีพฮอตขาขึ้นของยุคนี้ คงไม่พ้น อาชีพ ‘เชฟ’ แต่กว่าจะมาเป็นเชฟได้นัน ไม่ง่าย ดังตัวอย่างของเธอคนนี้ “เชฟจิ๊บ” ที่ความสำเร็จในวันนี้ ได้รับการจุดประกายจากกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยที่ฉีกขนบเดิมไปอย่างสิ้นเชิง
เรื่องราวของ เชฟจิ๊บ - ชภรภัช ดาภาชุติสรรค์ กับความสำเร็จในอาชีพเชฟของเธอในวันนี้ มีจุดเริ่มต้นเมื่อ 15 ปีก่อน ในวันที่เธอได้ค้นพบตัวเองในชั่วโมงปฏิบัติงานแผนกครัวและอาหารซึ่งส่วนงานหนึ่งในการเรียนสาขาการจัดการการโรงแรมว่า การทำอาหารเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของเธอ
ความสุขนี้ถูกสมทบเพิ่มขึ้นเมื่อเธอได้รับโอกาสฝึกฝนการทำงานในโรงแรมมีชื่อเสียงระดับห้าดาว ณ กรุงลอนดอน ประกายความคิดในชีวิตจึงถูกจุดขึ้นมาอย่างเร่งเร้าและเจิดจ้า นี่คือจุดเปลี่ยนชีวิตเด็กหญิงคนหนึ่งจากนักเรียนทุนนักกีฬาบาสเกตบอลก้าวสู่เชฟระดับมิชลินสตาร์ และเธอขอยกเครดิตความสำเร็จทั้งหมดให้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เชฟจิ๊บ หญิงสาววัย 34 ปี บุคลิกจริงจัง พูดเสียงดังฟังชัด ในแววตาของเธอมีความมุ่งมั่นฉายชัดตลอดการสนทนา เธอยอมรับว่า ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาสำคัญในการจุดประกายความคิดให้กับตัวเอง แต่การกระตุ้นความทะยานอยากภายในใจคนต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่อาจหาได้จากห้องเลคเชอร์ สำคัญที่สุดคือ ความทะยานอยากนั้นต้องการการสนับสนุน การเปิดโลกทัศน์ และการให้โอกาสได้ลงมือทำจริง
“เป็นนักเรียนทุนนักกีฬา และเลือกเรียนสาขาการโรงแรมและท่องเที่ยวเพราะได้รับคำแนะนำว่า เป็นนักกีฬาอย่าเรียนอะไรยาก แต่เราไม่เชื่อ” เธอจึงเริ่มต้นความท้าทายในชีวิตนักศึกษาอย่างตื่นเต้น เพราะการเรียนรู้ในสาขานี้ที่นักศึกษาต้องฝึกตนเองอย่างเคี่ยวกรำในทุกสายงานการบริการโรงแรม ความเป็นนักกีฬาทำให้เธอชอบการเคลื่อนไหว การเรียนรู้วิชาการต่างๆ ผ่านการปฏิบัติและฝึกทักษะความชำนาญจึงเป็นแนวทางที่ใช่ เพราะแม้แต่การเข้าฟังเลคเชอร์ในห้องเรียนรวม นักศึกษาก็ยังถูกระตุ้นให้ใช้ความคิดตลอดเวลาด้วยปัญหาท้าทายที่อาจารย์ส่งผ่านมาให้ได้ช่วยกันถกเถียงและหาข้อสรุปก่อนลงมือปฏิบัติ
ขึ้นชั้นปีที่สาม โพรไฟล์การเรียนและการสั่งสมชั่วโมงการฝึกงานทุกสายงานการโรงแรมมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ทำให้เธอถูกคัดเลือกให้ไปฝึกงานที่อังกฤษ โดยการสนับสนุนของมหาวิทยาลัยและการดูแลใกล้ชิดจากคณาจารย์ “เราจุดประกายตัวเองเลยว่าในอนาคตเราจะเป็นเชฟ” เมื่อกลับมาเมืองไทยจึงตั้งเป้าหมายชีวิตเอาดีสู่การเป็น เชฟ
เชฟจิ๊บเล่าว่า มหาวิทยาลัยกรุงเทพทำให้เธอรู้จักตัวเอง รู้ว่าอนาคตเธอจะเดินไปทางไหนและเดินไปอย่างไร เส้นทางสู่การเป็นเชฟ เริ่มต้นหลังเรียนจบ เป็นอาจารย์ในคณะนั่นเองที่ให้คำแนะนำและโค้ชแนวทางสร้างเสริมประสบการณ์เพื่อมุ่งสู่การเป็นเชฟมืออาชีพ อาจารย์แนะนำให้ไปสอบเข้าทำงานในหลักสูตรของโรงแรมโอเรียลเต็ล ในยุคนั้นสถานที่ทำงานชั้นนำที่บรรดาเชฟหน้าใหม่ควรต้องไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์คือการทำงานกับโรงแรมโอเรียลเต็ลและโรงแรมดุสิตธานี เชฟจิ๊บ เลือกสอบตามคำแนะนำของอาจารย์และเป็นเพราะที่นี่ใช้เวลาเรียนรู้สั้นกว่า
ทำไมระยะเวลาจึงมีความสำคัญนัก ? “ตอนที่ไปฝึกงานปี 3 ที่อังกฤษ เราอายุ 20 ไปเจอเพื่อนต่างชาติอายุ 18 แต่ทำทุกอย่างได้หมดแล้ว ความท้าทายในชีวิตเราก็พุ่งขึ้นมาเลยว่า เวลาไม่คอยท่านะ เราต้องใช้เวลาน้อยที่สุดที่จะฝึกฝีมือตัวเองและเดินหน้าต่อไปในสายอาชีพนี้ให้ได้” ความมุ่งมั่นชัดเจนและรู้จักคิดวางแผนชีวิตเช่นนี้ ส่งผลให้เชฟจิ๊บก้าวขึ้นเป็น Executive Chef ได้เมื่ออายุ 24 ปี ..ความสำเร็จเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
เชฟจิ๊บทำงานที่โอเรียลเต็ล 1 ปีเรียนรู้ฝึกฝนทุกส่วนงานครัวไทย เมื่อบรรลุเป้าหมายด้านอาหารไทย เธอวางแผนเพิ่มทักษะอาหารตะวันตก แน่นอน สถานที่เหมาะที่สุดก็คือโรงแรมในต่างประเทศ และด้วยการสนับสนุนจากอาจารย์และเชฟชั้นครูที่ดูแลการทำงานของเธอ เชฟจิ๊บจึงมีโอกาสไปทำงานที่อังกฤษอีก ชีวิต 2 ปีในอังกฤษหนักหนาสาหัสแต่ก็นับว่าคุ้มค่ามากทั้งเรียนทั้งทำงานหลักและทำงานพิเศษ ตอนนี้เชฟจิ๊บมีความเชี่ยวชาญอาหารและเทคนิคครบทั้งครัวไทยครัวฝรั่ง แต่การเรียนรู้สิ่งใหม่สำหรับเชฟจิ๊บยังคงมีต่อ ก่อนจะมาปั้นฝันของตัวเองให้เป็นจริงในประเทศไทย “ เราพาตัวเองไปทำงานที่โฟร์ซีซั่น ออสเตรเลียอีก 6 เดือนเพื่อเรียนรู้อาหารซีฟู้ดก่อนกลับมาไทย” เหตุผลที่เป็นออสเตรเลียเพราะที่นี่มีวัฒนธรรมการกินอาหารทะเลคล้ายประเทศไทย
เมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานมากพอแล้ว เชฟจิ๊ปจึงกลับมาสร้างทางอาชีพของตนเอง คอนเน็คชั่นที่เคยมีกับโอเรียลเต็ลและในแวดวงเชฟทำให้เธอมีโอกาสได้แสดงฝีมือเต็มที่กับการเป็นเชฟให้กับโรงแรมหรูหกดาว ได้ให้บริการในฐานะไพรเวทเชฟให้กับคนดังระดับซูเปอร์ไฮเอนด์และคนในสังคมชั้นสูงทั้งคนไทยและต่างประเทศ และที่นี่เองเชฟมิชลินสตาร์สองดาวจากฝรั่งเศสได้ลิ้มรสเมนูซีฟู้ดพิเศษของเธอและบอกว่าถ้ามิชลินจะติดดาวอาหารและบริการของที่นี่ระดับดาวที่ให้ได้คือหนึ่ง พร้อมกับเอ่ยปากชวนเธอไปทำงานกับเขา หลังจากนั้น 2 เดือน เชฟจิ๊บบินไปฝรั่งเศสใช้เวลา 2 สัปดาห์เรียนรู้การทำงานของเชฟดาวมิชลินในร้านอาหารที่มีลูกค้าเต็ม 300 คนทุกวัน เชฟเจ้าของร้านถ่ายทอดความรู้อย่างมืออาชีพให้เธออย่างหมดเปลือกพร้อมกับได้รับกำลังใจว่า “กลับไปสร้างทีมของตัวเอง เธอทำได้แน่”
วันนี้ เชฟจิ๊บ เปิดเส้นทางอาชีพเชฟได้อย่างตั้งใจกับ 3 กลุ่มธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่มที่เก็บครบกลุ่มลูกค้าทุกระดับบริการตรงด้วยฝีมือเชฟระดับมิชลินสตาร์ ทั้งในฐานะที่เป็น Private Chef Table ที่มีคิวจองตัวไปให้บริการในต่างประเทศแบบไม่ขาดระยะ (facebook : Private CHEF Table by CHEF JIB,Thailand) ในฐานะ Executive Chef กับทีมงานฝีมือดีให้บริการอาหารซีฟู้ดสดสะอาดราคาสบายกระเป๋ากับร้าน เฮียโป้ Seafood by Chef Jib งามวงศ์วาน (facebook : เฮียโป้กุ้งเผา) และเบเกอร์รี่แอนด์คอฟฟี่ ร้านอาหารและของว่างสำหรับกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ
“ทั้งหมดเริ่มต้นจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ที่จุดประกายให้ชีวิตเราก้าวมาถึงจุดนี้ได้” เชฟจิ๊บ บอกว่า ยังมีนักศึกษาอีกหลายคนที่มีความฝันแบบเดียวกับเธอ จึงดีกว่าหากเธอจะได้ช่วยผลักดันและสนับสนุนความฝันเหล่านั้นให้เกิดเป็นจริงได้ในฐานะอาจารย์พิเศษ หลักสูตรใหม่ (นานาชาติ) สาขา Culinary Arts&Design คณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เครื่องมือปั้นฝันให้คนที่รักและชอบการทำอาหารได้สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยู่เสมอภายใต้กระบวนการเรียนการสอนที่ไม่ได้อยู่ในขนบเดิมที่คณาจารย์จะเป็นป้อนความรู้ให้ลูกศิษย์ หากแต่ทำหน้าที่เป็นโค้ชชี้นำแนวทาง แบ่งปันประสบการณ์ให้ partnership & Business Connection ของมหาวิทยาลัยส่งเสริมให้ตลอดการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพเป็นสร้างโอกาสให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติและฝึกฝนทักษะการทำงานในสายงานที่ชื่นชอบอย่างเต็มที่เพื่อพร้อมสำหรับการเรียนรู้ต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดเมื่อก้าวเข้าสู่การทำงานในโลกธุรกิจจริง
[Advertorial]