ทักษิณ แฉเบื้องลึกก่อน-หลังปฏิวัติ

ทักษิณ แฉเบื้องลึกก่อน-หลังปฏิวัติ

ทักษิณ แฉเบื้องลึกก่อน-หลังปฏิวัติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สมชาย โฟนอินปลุกเสื้อแดงเชียงใหม่แสดงพลังล้อมทำเนียบฯ ก่อนถึงคิว ทักษิณต่อสายโฟนอินอ้อน ความจริงสัญจร ที่เชียงใหม่ช่วงค่ำ สุริยะใส เชื่อ นปช.เคลื่อนไหวนอกสภาหนักขึ้น

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 22 มี.ค. 2552 ที่โรงแรมแกรนด์วโรรสพาเลซ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่51 ได้จัดอบรมอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยรุ่นที่ 1 โดยมีแกนนำและตัวแทนหมู่บ้านจากอำเภอต่างๆในจ.เชียงใหม่เดินทางมาร่วมอบรมเพื่อนำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อให้กับเครือข่าย

โดยมีนายแพทย์เหวง โตจิราการ ประธานที่ปรึกษากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.)เป็นผู้กล่าวเปิดการผู้อบรมให้ความรู้กล่าวโจมตีรัฐบาลที่ได้อำนาจมามิชอบ โจมตีนายกษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศและประกาสระดมเสื้อแดงให้ไปร่วมชุมนุมใหญ่ปิดล้อมทำเนียบไล่รัฐบาลในวันที่ 26 มี.ค.

ต่อมาในเวลา 11.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีได้โฟนอินผ่านทางโทรศัพท์เข้ามาในที่ประชุมของกลุ่มเสื้อแดงโดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 4 นาที กล่าวให้กำลังใจคนเชียงใหม่ขอให้เสื้อแดงทุกคน และกล่าวว่าแม้ตนเองจะอยู่หรือไม่อยู่ในตำแหน่งนายกฯแต่เราก็ไม่ลืมกัน


"ตอนนี้ท่านทักษิณมีความสุขดี ความจริงจะต่อสายโฟนอินเข้าไปพูดคุยให้ แต่เนื่องจากเป็นเวลาตีสอง ซึ่งท่านทักษิณยังหลับก็เอาไว้คอยฟังกันในเวทีความจริงสัญจรที่เชียงใหม่เย็นนี้ ถ้ารักทักษิณก็อย่าลืมไปช่วยกันออกมาแสดงพลังประชาธิปไตยชุมนุมกันให้เต็มที่ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ที่ทำเนียบฯ" นายสมชายกล่าว

นอกจากนี้ในเวลา 13.00 น.วันเดียวกันนี้นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่51ได้ประกาศว่าเสื้อแดง 8จังหวัดภาคเหนือจะรวมตัวกันเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค5เพื่อกดดันให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกรณียึดสนามบินสองแห่ง จากนั้นจึงจะไปรวมตัวกันแสดงพลังขับไล่รัฐบาลที่เวทีความจริงวันนี้สัญจรที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่700 ปีในเวลา 15.30น.ถึงค่ำเพื่อรอฟังการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

เสื้อแดงเรือนหมื่นพรึ่บสนามกีฬาเชียงใหม่

บรรยายกาศการจัดเวที "ความจริงวันนี้สัญจร "ซึ่งจะจัดขึ้นที่สนามกีฬากลางสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ว่า ล่าสุดในเวลา 17.00 น. มีกลุ่มเสื้อแดงจากจังหวัดต่างทั่วประเทศทยอยเดินทางเข้ามาภายในสนามกีฬากลาง โดยมีจำนวนคนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน

ในส่วนกิจกรรมบนเวทีทางกลุ่มนปช.ได้มีนักร้องขับร้องเพื่อขับกล่อมกลุ่มเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุม ในขณะที่แกนนำคนสำคัญก็ทยอยเดินทางมาเกือบครบแล้ว ทั้งนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายแพทย์เหวง โตจิราการ เพื่อมายังบริเวณด้านหลังเวที โดยมีสมาชิกเสื้อแดงเข้ามาขอลายเซ็นต์และขอถ่ายรูปกันอย่างคึกคัก

ขณะที่บริเวณด้านนอกสนามกีฬา มีการออกร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสีแดง ของที่ระลึกของกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น ผ้าโพกศีรษะ เท้าตบ ภาพถ่ายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยที่กลางสนามฟุตบอลมีการติดตั้งจอภาพยนต์ขนาดใหญ่ จำนวน 4 จอ กระจายทั่วทั้ง 4 มุมของสนาม คาดว่าในช่วงค่ำวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามาพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม

ทักษิณโฟนอินกับเสื้อแดงโฆษณาขายหนังสือ

เมื่อเวลา 20.00 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เร้นทร์ โดยได้ทักทายกับผู้ชุมนุมเป็นภาษาคำเมือง พร้อมบอกว่าต้องขออนุญาตลาศพพี่สาวที่เสียชีวิตออก 1 วัน เพื่อมาใส่เสื้อแดงมาพูดคุยกับประชาชน เสียดายที่พี่สาวตายแต่ไม่มีโอกาสไปกราบศพ วันนี้ขอพูดแบบลึกๆ เพราะทุกครั้งไม่เคยพูด เพราะกลัวกระทบ แต่เมื่อไม่มีอะไรดีขึ้นก็จะพูด อยากฝากถึงคนเสื้อแดงทุกคนที่มาร่วมกันทวงคืนประชาธิปไตย เพราะไม่อยากให้เป็นการต้มตุ๋นทางประชขาธิปไตย เหมือนที่ได้รัฐบาลราบ 11 คือ ไปตั้งรัฐบาลในกรมทหาราบที่ 11

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนถูกยุบและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกปลด ก็มีงูเห่าเกิดขึ้น มีการดึงส.ส.ออกไปเพื่อยกมือให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และเมื่อ 2 วันที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคประชาธิปัตย์ก็ชนะอีกครั้ง เพราะอุตส่าห์เสียเงินไปเพื่อซื้อส.ส.ให้มายกมือให้ แต่เริ่มมีการชี้เป้าไปที่ส.ส.ที่ไม่ยกมือให้ บางคนเริ่มกลัวก็มาสารภาพว่าได้เงินมา 2 แสนบาท และจะได้งบลงมาที่ท้องถิ่นอีกคนละ 20 ล้านบาท

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า หากต้องการทราบเรื่องราวลึกๆต่างๆเพิ่มเติม ปลายเดือนนี้หนังสือของหมวดเจี๊ยบ ชื่อเรื่อง "ทักษิณ ARE U OKEY "ก็จะต้องออกวางแผงปลายเดือนสามารถหาอ่านได้

ทักษิณเล่าประวัติศาสตรก่อนหลังปฏิวัติ

ต่อจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เล่าถึงประวัติศาสตร์การเมืองตั้งแต่ปี 2548 ที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย มี ส.ส. 377 เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีถูกคาร์บอมบ์ลอบสังหารโดยบอกว่าถ้าไม่ตายก็จะมีการปฏิวัติ ช่วงมีการเลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 2 เม.ย. 2549 มีการกดดันให้ กกต.ลาออก โดยออก 1 คน อีก 3 คนไม่ออก ปรากฏว่า กกต.ที่ลาออก มาบอกว่า มีคนมากดดันให้ออก

พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกโดยบอกว่า วันนี้การกู้เงินไม่จำเป็น ถ้าจะกู้ต้องใช้เพื่อให้เกิดการจ้างงาน ไม่ใช่กู้มาแจกมาหาเสียง เศรษฐกิจประเทศไทย ปีนี้นายกฯ บอกว่า อีก 3-4 เดือนฟื้น เศรษฐกิจหดตัวขนาดนี้เอาไม่อยู่ ไม่ฟื้น จะหดตัว 2-3 เปอร์เซ็นต์ ส่งออกลดไป 25 เปอร์เซ็นต์ เดือน ก.พ. ลด 11 เปอร์เซ็นต์ แต่จริงๆ ขายทองออกไป เป็นการขายทรัพย์สิน เพราะตังค์ไม่มี ส่งออกลด หมายความว่า จะหดตัว กำลังการผลิตของโลกลดลง 15-20 เปอร์เซ็นต์ ที่โดนไปแล้วคือคนระดับล่าง ราคาสินค้าเกษตรตก คนตกงาน จะให้ภาคเกษตรอุ้มไม่ไหว ตนจะคิดเรื่องทางออก อาทิตย์หน้าจะคุย และปัญหาที่จะตามมา ถ้าเศรษฐกิจโตไม่ได้ คือ หนี้สาธารณะจะพุ่ง

ช่วงท้ายพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า "เราจะต้องรวมพลังกัน ต้องทำในสิ่งที่ดี เพื่อลบคำสบประมาท วันที่พี่น้องเข้ากรุงเทพฯ จะพูดเรื่องทางออกให้กับประเทศ ตนไม่อยากสร้างปัญหา วันนี้สีแดงต้องการความเป็นจริง เพราะฉะนั้นจะพูดความจริงลึกขึ้น ต้องการให้คนไทยรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นถึงโดนไล่ขนาดนี้ ขออนุญาตกราบลาพี่น้องเสื้อแดง พี่น้องในต่างแดน กรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด ขอยืนยัน ว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง และเราไม่ก้าวร้าว มีมารยาท ขอให้พี่น้องเสื้อแดงรวมพลังให้เป็นปึกแผ่น จนกว่าประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่แผ่นดินไทย จนกว่าความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ขอขอบคุณ"

"สุริยะใส"เชื่อ นปช.เคลื่อนไหวนอกสภาหนักขึ้น

นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำ นปช.ต้องเหนื่อยยากลำบากขึ้น เพราะไม่สามารถลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีลงได้อย่างที่คิด ภาพรวมการอภิปรายยังเป็นการมุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของบุคคลมากกว่าการตรวจสอบนโยบาย ที่ประชาชนอยากเห็น แม้แต่การเปิดประเด็นไซฟ่อนเงิน 258 ล้านบาท ที่โยงกับพรรคประชาธิปัตย์และบริษัททีพีไอ จริงๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้วีทีอภิปราย ก็สามารถยื่นเรื่องให้ กกต.และอัยการสูงสุด หรือศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

"ทำให้คนทั่วไปรู้สึกได้ว่าพรรคเพื่อไทเป็นเพียงกองกำลังส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในสภาเท่านั้นไม่ใช่การทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างที่ควรจะเป็นตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะท่าทีที่ก้าวร้าวหยาบคายของ สส.บางคน ได้ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐสภาลงอย่างย่อยยับ เป็นที่อับอายไปทั่วโลก"

นายสุริยะใส กล่าวว่า จากนี้ไปกลุ่ม นปช.จะเคลื่อนไหวนอกสภารุนแรงมากขึ้นเพื่อหยุดรัฐบาลทุกวิถีทาง ซึ่งคงไม่ง่ายเช่นกันเพราะนับวันยิ่งสูญเสียความชอบธรรม และการเกิดกลุ่มงูเห่าในพรรคเพื่อไท ถือเป็นการท้าทาย พตท.ทักษิณโดยตรง และหวังให้พรรคเพื่อไทขับออกจากพรรค เพื่อย้ายพรรค ซึ่งคงไม่กล้าขับออก เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่ายิ่งปล่อยสถานการณ์ไปแบบนี้พรรคเพื่อไทจะแตกแยกกันภายใน จนอาจเหลือ สส.ไม่ถึงร้อยคน

นายสุริยะใส กล่าวว่า กรณีนายกษิต ภิรมย์ ได้รับเสียงไว้วางใจน้อยกว่าคนอื่นนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะโครงสร้างทางอำนาจของรัฐบาล และรัฐสภาชุดปัจจุบันยังไม่ลงตัว ยังไม่นิ่งพอว่าใครขั้วใหนกลุ่มใหน พรรคเล็กๆ 2-3 พรรคยังไม่กำหนดท่าทีว่าจะยืนอยู่กับใคร ระหว่างขั้วอำนาจไม่เอาระบอบทักษิณ กับขั้วจงรักภักดีต่อระบอบทักษิณ

นายสุริยะใส กล่าวว่า แม้แต่นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ สส. ปชป.ที่เพิ่งย้ายมาจากพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่งดออกเสียงให้นายกษิต ก็ย่อมชี้ให้เห็นวิธีคิดที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ เพราะการปลดนายกษิต ไม่ใช่วิธีลดความขัดแย้ง หรือสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. นายเกียรติกร ควรตระหนักว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้งกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่หยุดเคลื่อนไหว กกบ.พรรคประชาธิปัตย์จะมองว่าเป็นเรื่องสิทธิของนายเกียรติกรไม่ได้ เพราะวิธีคิดแบบนี้อันตรายต่อยุทธศาสตร์ของพรรคในฐานะแกนนำรัฐบาล ต้องทำความเข้าใจหรือตักเตือน ถ้าปล่อยไปจะทำให้สังคมเข้าใจว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีคนคิดแบบนายเกียรติกรไม่น้อยเช่นกัน

"ผมเชื่อว่านายกฯ คงไม่บ้าจี้ปลดนายกษิต ออก เพราะการอยู่ในตำแหน่งของนายกษิต สร้างความยากลำบากให้กับ พตท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะการใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศถูกตอบโต้และรู้เท่าทันจากกระทรวงการต่างประเทศมากขึ้น เพราะฝีมือของนายกษิตนั่นเอง เป็นเหตุให้กลุ่มเครือข่ายระบอบทักษิณ ต้องเอาประเด็นปลดนายกษิต มาเป็นประเด็นนำ จากเดิมที่เอาเรื่องยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญมาเป็นประเด็นนำ"

เสื้อแดงร้อยเอ็ดเดินขบวนจี้รัฐบาลยุบสภา

เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 22 มี.ค. กลุ่ม "คนร้อยเอ็ดรักประชาธิปไตย" หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้รวมตัวกันประมาณ 200 คนที่บริเวณหน้าโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนเคลื่อนขบวนพร้อมการปราศัยบนรถกระจายเสียงแห่ไปตามถนนต่าง ๆ รอบเมืองร้อยเอ็ด เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน และจัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว

นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร น้องชายนายนิสิต สินธุไพร อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตั้งแต่มีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย ทำให้ประเทศตกต่ำ และถูกดูแคลนจากต่างประเทศทั่วโลก เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง กระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระต่าง ๆ รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนถูกฉีกทิ้ง โดยไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ถือเป็นการทำลายอำนาจของประชาชน โดยไม่สนใจว่าประเทศจะตกต่ำเพียงใด ซ้ำร้ายรัฐบาลปัจจุบันยังตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรระหว่างประเทศ โดยก่ออาชญากรรม ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อันมีโทษถึงประหารชีวิต

ดังนั้น กลุ่ม "คนร้อยเอ็ดรักประชาธิปไตย" จึงได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลร่วมมือกับทุกพรรคการเมืองลงสัตยาบรรณเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ดำเนินการยุบ ยกเลิก แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาเป็นหลักเพื่อใช้บริหารประเทศ ให้รัฐบาลหยุดแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และนำกลุ่มคนที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ก่อความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรงมาดำเนินคดีโดยเร็ว และให้รัฐบาลยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน และจัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook