เปิดใจ น้องบีม-คุณแม่ หลังศาลสั่งจำคุกทนายโกงเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (5 ต.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. ที่ห้องพักของ นางพรทิพย์ อายุ 45 ปี และ น้องบีม อายุ 14 ปี ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แม่ลูกที่ถูกนายพิสิษฐ์ ทนายความที่ว่าความคดีรถชนจนบิดาน้องบีมเสียชีวิตและตัวน้องบีมพิการ จนชนะและได้รับค่าเสียหาย 5 ล้านบาท
หลังจากนั้นทนายได้โกงเงินจำนวนดังกล่าวโดยการปลอมแปลงเอกสาร ก่อนจะมีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ จนในที่สุดศาลจังหวัดตลิ่งชัน มีคำสั่งพิพากษาคดีดำ จำคุกนายพิสิษฐ์ 5 ปี และไม่รอลงอาญา และห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพทนายความเป็นเวลา 5 ปี
จากการสอบถาม นางพรทิพย์ ถึงเรื่องการตัดสินคดีดังกล่าว นางพรทิพย์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่อง ทุกวันนี้หลังที่เป็นข่าวออกไปมีหน่วยงานมาช่วยเหลือ ชีวิตดีขึ้นกว่าปกติ แต่ทุกวันก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมคือดูแลน้องบีม และทำดอกไม้หอมแพ็คขาย
ส่วนน้องบีมได้รับการช่วยเหลือทางด้านการรักษาจาก รพ.ศิริราช และ รพ.สมิติเวช ยังคงเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และทำดอกไม้หอมขายที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูฝนก็หยุดขายไปบ้างตามสภาพอากาศ แต่น้องบีมก็รับถุงผ้ามาทำการเพ้นท์รูปส่งแทนเพื่อหารายได้เพิ่ม
นางพรทิพย์ เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบเรื่อง เพิ่งรู้รายละเอียดเมื่อสักครูนี้ว่าตัดสิน 5 ปี 12 เดือน ถ้าถามว่าตนพอใจกับคำตัดสินไหม ตนไม่รู้มันเป็นเรื่องกฎหมายแล้วแต่ศาลตัดสิน ตนไม่รู้ขบวนการทางด้านกฎหมาย ตอนนี้ก็ดีใจที่ตนดิ้นรนต่อสู้มานาน ในที่สุดศาลก็ตัดสินทนายพิสิษฐ์ว่าเขาทำผิดกับแม่และน้องบีม ทำให้เขาได้รับความผิดตามที่เขาได้รับ
ส่วนเรื่องเงินตนไม่แน่ใจว่าจะได้คืน อยากให้หน่วยงานที่เคยช่วยเหลือตนให้ช่วยเหลือเรื่องด้วย สภาพเป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีขึ้นนิดหน่อย ถามว่าดีมากไหมตนก็ดำเนินชีวิตปกติ ส่วนใหญ่จะใช้รักษาน้องตนตั้งเป้าหมายไว้ว่าถ้าได้เงินก้อนนี้คืนจะเก็บไว้รักษาน้อง
ด้าน น้องบีม กล่าวว่า ตนทราบเรื่องคำตัดสินแล้ว รู้สึกคล้ายกับคุณแม่ ถามว่าอยากได้เงินคืนไหมก็อยากได้ จะได้รักษาตัวเอง และจะได้แบ่งเบาภาระคุณแม่ได้บ้าง ด้านสุขภาพตอนนี้มีหลายคนเข้ามาช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาล หลังเข้ารับการรักษาที่ศิริราชก็ดีขึ้นเรื่อยๆ 6 เดือนไปที การเรียนตอนนี้ปิดเทอม และที่วัดให้ไปทำเป็นมัคคุเทศก์ที่วัด ตนดีใจขอบคุณที่ทุกคนช่วยเหลือตนและแม่ดีใจมาก