เปิดใจช่างภาพ ทุ่มเทแรงกาย เพื่อถวายงานใกล้ชิด ร.9 เป็นครั้งสุดท้าย

เปิดใจช่างภาพ ทุ่มเทแรงกาย เพื่อถวายงานใกล้ชิด ร.9 เป็นครั้งสุดท้าย

เปิดใจช่างภาพ ทุ่มเทแรงกาย เพื่อถวายงานใกล้ชิด ร.9 เป็นครั้งสุดท้าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายโฆสิต รอดไหม หรือ เป็ด ผู้กำกับเวทีอาวุโสช่อง 9 MCOTHD  เปิดเผยถึงเรื่องราวเมื่อครั้งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กล้องโทรทัศน์ช่อง 9 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้วยความปลาบปลื้มใจว่า เขายังจำได้ดีถึงครั้งแรกที่มีโอกาสได้ถวายงานถ่ายทอดสดเนื่องในวโรกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จเปิดพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จ.ปทุมธานี วันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2545 ซึ่งเขายังจดจำรายละเอียดในวันนั้นได้อย่างดีและจะจดจำไปตลอดชีวิต 

วันนั้น เขาประจำอยู่ในบริเวณที่นัดหมายไว้ ซึ่งมีบอร์ดแสดงข้อมูลตั้งอยู่ ตามระเบียบช่างภาพโทรทัศน์จะต้องหลบให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินผ่านไปก่อน จึงจะเดินออกมาถ่ายภาพได้ ห้ามเดินตัดหน้าเด็ดขาด แต่บังเอิญว่าพระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินออกนอกเส้นทาง และทรงมุ่งหน้ามาทางที่นายโฆสิตและผู้ช่วยช่างภาพยืนหลบอยู่

"ตอนนั้นตกใจมาก พระองค์ก็ทรงตกพระทัยแต่ไม่มากนัก เพราะตรงนั้นเหมือนไม่มีคนอยู่ เนื่องจากผมและผู้ช่วยหลบอยู่หลังเสา พอเห็นพระองค์ ผมก็ทรุดเข่า วางกล้องลง และก้มลงกราบโดยอัตโนมัติ รู้สึกเป็นบุญมากๆ ที่ถวายงานครั้งแรกก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดพระองค์ขนาดนี้" นายโฆสิตเล่าด้วยเสียงที่ยังคงตื่นเต้นราวกับเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้น

ส่วนอีกครั้งที่ได้ใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นระยะเวลานานที่สุด คือ วันที่ 7 กรกฏาคม พ.ศ.2555 ในวันนั้น รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคด้วยเรือพระที่นั่งอังสนา เพื่อทรงเปิดโครงการชลประทาน 5 แห่ง ในโครงการพระราชดำริ พสกนิกรพร้อมใจกันมาเฝ้าฯ รับเสด็จเต็ม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง

นายโฆสิตถ่ายทอดความทรงจำให้ฟังว่า สมัยนั้นเขายังไว้ผมยาวถึงกลางหลังตามประสาคนรักผม แต่เมื่อหัวหน้าถามว่าถ้าให้ขึ้นไปถวายงานถ่ายทอดสดบนเรืออังสนา แต่ต้องตัดผมให้เรียบร้อยจะทำหรือไม่

"ตอนนั้นตอบทันทีเลยว่า ตัดครับ"

เขาเล่าต่อว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่สำคัญนี้ ช่วงนั้นภาวนาทุกวันไม่ให้ตัวเองป่วยไข้ไม่สบาย เพราะทุกคนที่จะขึ้นไปถวายงานบนเรือจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเป็นหวัดหรือเป็นไข้ เพราะอาจจะทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประชวรได้ วันนั้นช่างภาพผู้นี้ได้อยู่บนเรือตั้งแต่ 14.00 น. และได้ถวายงานใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป งานในวันนั้นกินเวลาทั้งหมดประมาน 4-5 ชั่วโมง และทำให้เขาได้ถวายงานบันทึกพระอิริยาบถของพระองค์ให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับชม

ผู้กำกับเวทีอาวุโสช่อง 9 MCOTHD กล่าวต่อว่า ตอนนั้นอยากนั่งชื่นชมพระบารมีของทั้ง 3 พระองค์อย่างเดียว แต่เพราะเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ขึ้นไปบันทึกภาพ จึงต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เขายังจำได้ว่า เย็นวันนั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเทพฯ ทรงถ่ายภาพสองฝั่งแม่น้ำอย่างเป็นธรรมชาติ เหตุการณ์ตอนนั้นเป็นภาพที่น่ารักและน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าวันนั้นฝนจะตกหนัก กอปรกับต้องคุกเข่าคลานหลายชั่วโมงทำให้กางเกงสแล็กที่ใส่เสียดสีกับเนื้อจนเข่าไหม้ แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นสักเท่าไร และถวายงานต่อไปอย่างมีความสุข เขายังเล่าอีกว่า ตอนที่ต้องหลบฝนเข้าด้านใน มีแม่ทัพ องคมนตรี อยู่เต็มห้องไปหมด เห็นดาวเต็มบ่าจนตาลาย ไม่ทราบว่าใครเป็นใครบ้าง คนตัวเล็กๆ อย่างเขาจึงไปแอบหลบอยู่บริเวณท้ายเรือ เพราะมีหน้าที่ถวายงานได้เฉพาะช่วงที่พระองค์ทรงประทับอยู่ด้านหน้าเรือเท่านั้น

วันที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต นายโฆสิตกำลังอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัว ช่วงนั้นข่าวที่พระองค์สวรรคตมีกระแสแรงมาก เขายอมรับว่าตัวเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อข่าวที่ได้ยิน แต่ก็เริ่มใจคอไม่ดี เมื่อเห็นภาพประชาชนที่โรงพยาบาลศิริราชร้องไห้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย สุดท้าย เมื่อมีประกาศจากสำนักพระราชวัง ความรู้สึกที่กลั้นมาตลอดก็ทะลายลงและร้องไห้ออกมาในที่สุด

ด้วยตำแหน่งงานในปัจจุบันของนายโฆสิต ทำให้เขาได้เข้าไปถวายงานในพระบรมมหาราชวังมาโดยตลอดตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต และในช่วงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้ง 3 วัน เขาก็จะทำหน้าที่ถวายงานถ่ายทอดสดตามที่ได้รับมอบหมาย ตลอดเวลานั้น ในใจเขาคิดอยู่เสมอว่า ถึงจะต้องทำงานแต่ตัวเองโชคดีกว่าประชาชนทั่วไป เพราะจะได้อยู่ในเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงได้ถ่ายทอดภาพไปให้ประชาชนทั่วประเทศและทั่วโลกได้รับชม

นายโฆสิตกล่าวทิ้งท้ายว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานอย่างหนักมาก ทุกวันนี้ยังรู้สึกว่าตัวเองทำงานไม่ได้เศษธุลีของงานที่พระองค์ทำ ดังนั้น จึงตั้งใจว่าจะต้องทำงานให้ออกมาดีที่สุดในทุกๆ งาน รวมถึงจะเก็บความประทับใจที่ได้พบและพระราชกิจวัตรประจำวันที่ประหยัด พอเพียง มาใช้เป็นต้นแบบ แม้แต่เรื่องการถ่ายภาพเอง พระองค์ก็ทรงเป็นต้นแบบได้อย่างดี ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่งดงามทั้งหลายนั้นมาจากพระปรีชาสามารถ ไม่ได้มาจากอุปกรณ์ราคาแพง ซึ่งในฐานะช่างภาพแล้ว จะนำเรื่องที่ได้เรียนรู้จากพระองค์มาใช้พัฒนาฝีมือควบคู่กับการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตามรอยในหลวง รัชกาลที่ 9 ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook