สั่งจับตา “เณรคำ” นอนคุกห้ามบรรยายธรรม

สั่งจับตา “เณรคำ” นอนคุกห้ามบรรยายธรรม

สั่งจับตา “เณรคำ” นอนคุกห้ามบรรยายธรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ “เณรคำ" ถูกส่งตัวเข้าสู่เรือนจำเป็นคืนแรก ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าจับตาดูเป็นพิเศษและสั่งห้ามบรรยายธรรมในเรือนจำเพราะอาจเป็นการชักจูงผู้ต้องหารายอื่น ขณะที่ดีเอสไอได้เร่งติดตามพยาน เพื่อเตรียมนำตัวมาขึ้นเบิกความในชั้นศาล

วันนี้ (21 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เร่งติดตามพยานที่เกี่ยวข้อง ในคดีนายวิรพล สุขผล หรือ เณรคำ เพื่อเตรียมนำตัวมาขึ้นเบิกความเป็นพยานในชั้นศาล หลังถูกยื่นฟ้องในข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี กระทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงิน โดยหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนในชั้นศาลระหว่างโจทก์กับจำเลย โดยศาลได้กำหนดนัดสืบพยานครั้งแรกในวันที่ 18 กันยายนนี้

ทางด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าคดีเณรคำจะเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคแต่อย่างใด เพราะตามกฎหมายพนักงานสอบสวนต้องทำบัญชีพยานและติดตามพยานเพื่อมาเบิกความต่อศาลอยู่แล้ว ซึ่งคดีเณรคำนับว่าเป็นโมเดลสำคัญในการประสานส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ที่ทำงานร่วมกันระหว่างอัยการในครั้งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก และจะยึดเป็นแนวทางการทำงานในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป

ขณะที่ นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงมาตรการหลังจากที่เณรคำ ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพว่า เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวมาทำประวัติและอยู่ในแดนแรกรับตามระเบียบของเรือนจำ ซึ่งจากการตรวจสุขภาพเบื้องต้นพบว่าเณรคำ สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีและไม่มีอาการเจ็บป่วย ส่วนการเข้าเยี่ยมของญาติและลูกศิษย์เป็นไปตามสิทธิของผู้ต้องขังทั่วไป และต้องอยู่ในกฎระเบียบเหมือนกัน

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้กำชับไม่ให้เณรคำ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนาหรือการบรรยายธรรมใดๆ เนื่องจากอาจมีการชักชวนผู้ต้องขังรายอื่นในทางที่ผิดและอาจไม่เป็นผลดี โดยตามขั้นตอนแล้วเณรคำจะถูกคุมตัวในแดนแรกรับเพื่อปรับตัวประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นจึงย้ายไปอยู่แดนอื่นภายในเรือนจำต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook