เตือนแฟชั่น-นศ.เกย์ หม่อง ทา จู๋! ให้สีชมพู-ลงเอยไหม้

เตือนแฟชั่น-นศ.เกย์ หม่อง ทา จู๋! ให้สีชมพู-ลงเอยไหม้

เตือนแฟชั่น-นศ.เกย์ หม่อง ทา จู๋! ให้สีชมพู-ลงเอยไหม้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เตือนอันตรายแฟชั่นชาวเกย์อยากให้จู๋เป็นสีชมพูหวังมัดใจคู่ขา สายด่วนกุลเกย์ เผยน.ศ.หนุ่มอุตริซื้อน้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นจากนั้นก็ใช้ยาหม่องทา แล้วเกิดปวดแสบปวดร้อนทุรนทุรายจนไหม้เกรียมในที่สุด แพทย์ระบุยาหม่องมีสารออกฤทธิ์ระคายเคืองและบรรเทาความเจ็บปวด เมื่อนำไปทาบริเวณจุดที่อ่อนนุ่มเช่นบริเวณอวัยวะเพศก็จะส่งผลให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ ชาวเชียงใหม่ออกโรงต้านจัดงานเกย์พาเหรดวันเสาร์นี้ หวั่นกระทบกับเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เตือนภัยแฟชั่นใหม่ในหมู่เกย์วัยรุ่นครั้งนี้ เปิดเผยโดย นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ถึงกรณีรับเรื่องจากสายด่วนกุลเกย์ หมายเลขโทรศัพท์ 08-5031-7202 ที่เปิดให้คำปรึกษาเรื่องชาวเกย์มา 5 ปีแล้วว่า ล่าสุดมีเกย์หนุ่มวัย 19 ปี ซึ่งเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ในกรุงเทพฯ ใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นและยาหม่องทาที่อวัยวะเพศ เพื่อให้เป็นสีชมพู ซึ่งเป็นค่านิยมและเป็นที่ปรารถนาของชาวเกย์ทั้งหลาย เรื่องนี้มีน้องๆ ชาวเกย์ได้โทรศัพท์เข้ามาปรึกษาพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า สิ่งที่เกิดขึ้นได้มีการพูดคุยผ่านอินเตอร์เน็ต และในแคมฟร็อกการชักชวนและแนะนำกัน จึงเกิดความเชื่อและหวังให้ปลายอวัยวะเพศชายเป็นสีชมพู จึงทำตามคำแนะนำโดยไปซื้อนำยาล้างจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงยี่ห้อหนึ่งมาใช้แต่ก็ไม่มีผล จึงเข้าไปถามในอินเตอร์เน็ตอีกครั้งและมีการแนะนำว่าต้องใช้ยาหม่องเพิ่มจึงจะให้ผลเป็นสีชมพู จึงหามาใช้ร่วมด้วย วันแรกนวดประมาณ 5-10 นาที มีการปวดแสบปวดร้อน ถัดมาในวันที่สอง ก็ทำอีกเพื่อให้เป็นสีชมพูและเกิดสำเร็จความใคร่ ถัดมาในวันที่สาม ปลายอวัยวะเพศที่หวังว่าเป็นสีชมพู กลายเป็นเหี่ยวย่นเหมือนเปลือกไม้จนน่าตกใจ ทำให้เด็กคนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน จึงโทรศัพท์เข้ามาปรึกษาตน

นายนทีกล่าวต่อว่า ตนได้โทรศัพท์ไปขอคำปรึกษา น.พ.ปริทรรศน์ ศิลปกิจ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ และได้คำแนะนำว่า การใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นและจะทำให้ปลายอวัยวะเพศเป็นสีชมพูเป็นเรื่องที่ไม่จริง ขณะเดียวกันยาหม่องมีสารชนิดหนึ่งทำให้เกิดการระคายเคือง และไม่ควรใช้กับบริเวณที่อ่อนนุ่มอย่างอวัยวะเพศ และหากใช้ไปนานๆ ทำให้มีปัญหาเรื่องสุขภาพทางเพศ จึงขอให้หยุดใช้ เพราะการใช้ยาหม่องในที่อ่อนนุ่มนั้นทำให้หนังไหม้และเกิดการอักเสบ ซึ่งต้องรอให้กลับมาสู่สภาพเดิมอาจใช้ระยะเวลาเป็นเดือนๆ และตอบกลับไปให้เด็กรับรู้จะได้คลายกังวล

"สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่จะเกิดขึ้นในสังคม จึงฝากเตือนน้องๆ ชาวเกย์ทั้งหลาย คนเราให้มันดีที่คุณภาพชีวิตดีที่เป็นคนดีและคนเราก็ขอให้รักกันที่หัวใจ อย่าได้ยึดติดเรื่องเพศ รูปร่างภายนอก แต่ขอให้หัวใจเรางดงามและมีความหวังดีต่อกันมากกว่า และเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่อันตราย อยากให้ผู้ที่ดูแลและรับผิดชอบหันมาดูแลและปกป้องเยาวชนของเรา โดยคอยสอดส่องเว็บไซต์ต่างๆ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องตลก เป็นเรื่องพื้นๆ ที่รู้ แต่ยังมีเด็กอีกหลายคนที่ไม่รู้จริงๆ และเกิดหลงเชื่อเนื่องจากการสื่อสารผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งบางครั้งเป็นเพียงตัวอักษรที่เขียนขึ้นมา เป็นการสื่อสารโดยไม่มีตัวตน ทำให้หลอกกันง่ายและหลงเชื่อ และขอให้ภาครัฐสอนให้เด็กมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศมากขึ้นด้วย" ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย กล่าว

ด้านศ.น.พ.อภิชาติ กงกะนันท์ ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ ศูนย์สุขภาพชาย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ในยาหม่องประกอบด้วยสาร เมนทอล ซาลิซาเรต (Menthol Salisalate) ซึ่งมีสรรพคุณแก้อาการอักเสบ ถือเป็นจำพวกยาแก้ปวดอย่างหนึ่ง การนำไปทาที่ปลายอวัยวะเพศ แล้วจะทำให้สีเปลี่ยนนั้น เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือด เพราะสารดังกล่าวถูกเนื้อเยื่ออ่อนๆ ทำให้เห็นเป็นสีแดงๆ แต่จะอยู่ได้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ และไม่เชื่อว่าผู้ทาจะทนได้ เพราะจะมีอาการแสบร้อนอย่างมาก

"การเอายาหม่องทาบริเวณปลายอวัยวะเพศ หากยังมีหนังหุ้มปลาย บริเวณภายในจะอ่อนมาก เมื่อยาหม่องโดน บริเวณปลายองคชาตก็จะแสบร้อนมาก เหมือนกับเยื่ออ่อนๆ ภายในปาก ที่มีความบอบบางมาก การที่เป็นสีชมพูได้เป็นเพียงระยะสั้น เหมือนการโดนความร้อน ก็จะแดงและหากทำบ่อยๆ อาจจะไหม้และเป็นสีคล้ำได้" ศ.น.พ.อภิชาติ กล่าว

น.พ.อภิชาติกล่าวว่า การทำให้เกิดความระคายเคืองกับบริเวณองคชาต โดยเฉพาะหัวแกนขององคชาต อาจทำให้เกิดตุ่มน้ำ เหมือนเกิดการพองเวลาโดนน้ำร้อนลวก จะทำให้เจ็บ แสบร้อน หากตุ่มน้ำใสแตก อาจทำให้เป็นแผล และเมื่อดูแลไม่ดีก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและมีโอกาสติดเชื้อเข้าสู่ท่อปัสสาวะได้

ขณะเดียวกัน นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย ก็ออกมาเคลื่อนไหว แถลงคัดค้านการจัดงาน เกย์พาเหรดล้านนา หรืองานเกย์ไพรด์ 2009 ที่จัดขึ้นโดยกลุ่มเอ็มพลัส ในวันที่ 21 ก.พ.นี้ ที่ จ.เชียงใหม่ เพราะไม่เหมาะสม ที่จะให้เชียงใหม่เป็นแหล่งสำหรับชุมชนเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล รวมถึงการผสมผสาน ความหลากหลายทางเพศ แม้ว่าเทศกาลไพรด์ที่ทั่วโลกจัดกันนั้นคือเทศกาลความภาคภูมิใจของบรรดาเกย์ก็ตาม แต่งานนี้ไม่เหมาะสมผิดหลักการ เพราะมีการจำกัดเรื่องการแต่งกายว่าจะต้องเป็นล้านนาเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วทั่วโลกเขาไม่จำกัด แต่จะให้บรรดาเกย์ได้อวดโฉมสรีระต่างๆ ภายในร่างกายที่คิดว่าสวย เด่น ออกมาโชว์

ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทราบว่าการเดินขบวนพาเหรด จะใช้พื้นที่ในการเดินผ่านจุดต่างๆ เริ่มต้นที่ พุทธสถาน ผ่านไนต์บาซาร์ สิ้นสุดโรงหนังแสงตะวัน แค่ดูจุดเริ่มต้นก็ไม่เหมาะสมแล้วเพราะอาจทำให้เกิดกะเทยเทียมได้ ที่ตนพูดเช่นนี้เพราะว่าช่วงที่บรรดาเกย์เดินขบวนผ่านอาจจะเป็นการชักจูงให้เด็กและเยาวชนเกิดกะเทยเทียมขึ้นมาได้ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นแต่เห็นก็ไปตามกระแส ตนจึงเห็นว่าควรยกเลิกการจัดงานครั้งนี้เพราะได้ไม่คุ้มเสีย จ.เชียงใหม่เป็นเมืองทางวัฒนธรรมอันดีงามไม่เหมือนกับพัทยาหรือภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยว

นายนทีกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนทราบว่าการจัดงานครั้งนี้มีเหตุผลคือเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และเพื่อโปรโมตวัฒนธรรม แต่การจัดงานแบบนี้มันไม่เหมาะสม รวมทั้งควรได้รับความเห็นชอบจากคนในพื้นที่ด้วย ทราบว่าหลายองค์กรหากยังฝืนจัดอยู่อาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ เช่น บางองค์กรเตรียมไข่ไว้ปากันแล้ว นอกจากนี้ยังทราบว่าบรรยากาศการจัดงานคือ กะเทยแต่งสาว โดยนำชุดล้านนามาสวมใส่เพื่อปล่อยผีตัวเอง โดยล่าสุดเกย์บางคนลงทุนจ้างช่างมาดีไซน์เพื่อตัดเย็บชุดล้านนาอย่างสุดสะวิง ซึ่งการแต่งลักษณะนี้เป็นภาพที่อิหลักอิเหลื่อ อาจทำให้วัฒนธรรมล้านนาถูกมองในแง่ลบ

นอกจากนี้ ที่หน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส ต.พระสิงห์ อ.เมือง เชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ที่ปรึกษากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 น.ส.กัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจ.อ้อม แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ร่วมกันแถลงข่าวประณามและต่อต้านกลุ่มเกย์พาเหรดที่จะมาจัดกิจกรรมในจังหวัดเชียงใหม่

นายเพชรวรรตกล่าวว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ขอประณามและจะต่อต้านทุกรูปแบบต่อกลุ่มเกย์พาเหรดที่จะมาจัดกิจกรรมในจังหวัด เพราะเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ขอคัดค้านและต่อต้านทุกรูปแบบ รวมถึงจะต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯที่จะมาจัดปราศรัยที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่แถลงข่าวเสร็จจากนั้นกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พร้อมสมาชิกจำนวน 200 คนพร้อมด้วยรถเครื่องเสียงได้พากันเดินทางไปยังศาลากลางจังหวัด โดยใช้ยานพาหนะขับตามกันเป็นขบวนและได้ยื่นหนังสือประท้วงคัดค้าน มีนายชุมพร แสงมณี รอง ผวจ.เชียงใหม่ เป็นผู้รับมอบหนังสือร้องเรียนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีกลุ่มม็อบเกษตกรข้าวโพดจากอ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ กำลังประท้วงและรอฟังผลการเจรจาอยู่ ทำให้เกิดมีการปะทะและมีปากเสียงกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และผลักกระชากคอเสื้อกันเล็กน้อยระหว่างแกนนำของทั้งสองกลุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมดูแลสถานการณ์บริเวณดังกล่าวได้เข้าห้ามปราม ทุกอย่างจึงเข้าสู่สภาวะปกติ

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผวจ.เชียงใหม่ เปิดเผยถึงเรื่องกลุ่มเกย์พาเหรดที่จะมาจัดกิจกรรมต่างๆ ในเชียงใหม่ว่าการจัดกิจกรรมหรือการจัดขบวนต่างๆ ถ้าไม่ผิดกฎหมาย ก็ไม่เข้าข่ายในเรื่องของการไม่อนุญาตหรืออนุญาต ตนได้มอบหมายให้นายชุมพร แสงมณี รองผู้ว่าฯ และวัฒนธรรมจังหวัดได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือกัน ทุกคนก็เห็นว่าหากเป็นการจัดขบวนพาเหรดที่ไม่เหมาะสมก็ไม่อยากให้จัด และได้แจ้งมติของผู้ที่เกี่ยวข้องทางด้านวัฒนธรรม ส่งไปให้หน่วยที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตำรวจ จะเป็นเทศบาล ว่าผู้คนที่มาร่วมประชุมส่วนใหญ่เขาไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้กลุ่มเกย์ดังกล่าวจัดกิจกรรมต่างๆ เพราะกลัวจะเกิดความล่อแหลมต่อวัฒนธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางกลุ่มเกย์พาเหรดใช้ชื่อว่า เครือข่ายความหลากหลายทางเพศ ได้ส่งแฟ็กซ์ไปยังสื่อมวลชนในจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้งในวันนี้เพื่อยืนยันการจัดงานดังกล่าว โดยใช้ชื่องานว่า งานเชียงใหม่เกย์ไพรด์ ครั้งที่ 2 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 21 ก.พ. เวลา 18.00 น. โดยมีขบวนพาเหรดที่พุทธสถาน ถนนช้างคลาน และไปสิ้นสุดขบวนพาเหรดเพื่อร่วมกิจกรรมบริเวณ @TAWAN TRENDY MALL สี่แยกแสงตะวัน ถ.ศรีดอนไชย

นายพงศ์ธร จันทร์เลื่อน ผู้แทนเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ เปิดเผยว่า เครือข่ายความหลากหลายทางเพศและองค์กรภาคี 22 องค์กร คณะผู้จัดงานเชียงใหม่เกย์ไพรด์ ครั้งที่ 2 ได้มอบหมายให้โครงการเพื่อนชายรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ(เอ็มพลัส) เป็นองค์กรหลักในการดำเนินการเรื่องขอจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยคณะผู้จัดงานเชียงใหม่เกย์ไพรด์ ครั้งที่ 2 มีความประสงค์ในการจัดงานดังนี้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในการไม่ละเมิดทางเพศต่อเด็กทุกกรณี, เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายการทำงานด้านเพศ เอชไอวี/เอดส์ ระหว่างคนทำงานกับสังคมสาธารณะ, เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการทำงานด้านวิถีทางเพศที่หลากหลาย กับวัฒนธรรมระหว่างชุมชนคนรักเพศเดียวกัน กับสังคมสาธารณะ, เพื่อลดการตีตราและการถูกเลือกปฏิบัติจากสังคม อันปราศจากความเข้าใจวิถีทางเพศ

ทั้งนี้ กิจกรรมหลักคือ กิจกรรมเดินขบวนรณรงค์ และกิจกรรมลานชุมชน คณะผู้จัดงานเชียงใหม่เกย์ไพรด์ ครั้งที่ 2 มุ่งหวังที่จะสร้างการทำงาน ร่วมมือการทำอย่างมีส่วนร่วมทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาและส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ ในประเด็นดังกล่าวแก่สาธารณะ ซึ่งทางคณะผู้จัดงานเล็งเห็นความสำคัญของหน่วยงานของท่านในฐานะเป็นผู้บริหารและเป็นผู้นำที่สนับสนุนความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางเพศด้วย และขอยืนยันว่าพวกเราจะยังคงจัดงานเหมือนเดิมทุกอย่าง โดยได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook