จับหนุ่มรับจ้างหิ้วถังใส่อสุจิ ให้คลินิกฝั่งลาวทำอุ้มบุญ

จับหนุ่มรับจ้างหิ้วถังใส่อสุจิ ให้คลินิกฝั่งลาวทำอุ้มบุญ

จับหนุ่มรับจ้างหิ้วถังใส่อสุจิ ให้คลินิกฝั่งลาวทำอุ้มบุญ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวบหนุ่มหิ้วถังไนโตรเจนใส่อสุจิ สารภาพรับจ้างจากคลินิกชื่อดังหลายแห่งในกรุงเทพ ฯ นำอสุจิ ไปเตรียมทำอุ้มบุญในคลินิกที่ฝั่งลาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (20 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 เม.ย. 60 ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว อ.เมืองหนองคาย แห่งที่ 1 นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย, นายแพทย์ชัชวาล ฤทธิ์ฐิติ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.หนองคาย และเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสอบสวนจับกุม นายนิธินนทน์ อายุ 25 ปี พร้อมของกลางถังไนโตรเจน 1 ถัง ภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ของบุคคล 2 คน ที่อ้างว่าเป็นของคนสัญชาติจีน และเวียดนาม

โดยมีเอกสารจากสถาบันการแพทย์มาแสดงด้วย แต่เนื่องจากการเป็นการกระทำตาม พรบ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มาตรา 41 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน อัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พรบ.ศุลกากร ในการนำของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร จำคุก 10 ปี ปรับ 4 เท่าราคาของรวมค่าอากร หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้จับตาดูพฤติการณ์ของนายนิธินนทน์ อยู่นาน พบว่ามีการเข้าออกประเทศบ่อยครั้ง ทั้งที่ด่านอรัญประเทศ ไปกัมพูชา และด่านหนองคายไป สปป.ลาว ทุกครั้งจะสะพายกระเป๋าใบใหญ่ไปด้วย

ซึ่งจากการข่าวแจ้งว่าภายในกระเป๋ามีถังไนโตรเจนบรรจุน้ำเชื้ออสุจิ ไข่ และตัวอ่อนแช่แข็ง อยู่ภายใน ในครั้งนี้นายนิธินนทน์ ได้เดินทางจากกรุงเทพฯ มายังสะพานมิตรภาพไทย –ลาว จ.หนองคาย

เมื่อจะทำพิธีการผ่านแดน เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกตรวจ นายนิธินนทน์ยอมรับว่ากำลังจะนำน้ำเชื้ออสุจิไปยังคลินิกแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ จึงควบคุมตัวไว้และเชิญเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.หนองคาย มาร่วมตรวจสอบด้วย

เบื้องต้น นายนิธินนทน์ ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างนายยู ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ให้มารับถังไนโตนเจนที่มีการบรรจุอสุจิ ไข่ และตัวอ่อนแช่แข็ง สลับสับเปลี่ยนกันไป ที่คลินิก 4 แห่งในกรุงเทพฯแล้วนำข้ามไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ไปยังคลินิกแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา รวม 12 ครั้ง

และยังได้นำไปยังกรุงพนมเปญ กัมพูชา ทางด่านอรัญประเทศ ไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งและคลินิกไม่ทราบชื่อ ในปี 2559 รวม 13 ครั้ง แต่ละครั้งจะได้ค่าจ้าง 5,000 บาท

นายนิมิต กล่าวต่อว่า การซื้อขายอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน นั้นผิดศีลธรรม ไม่อยากให้เกิดกระบวนการค้าขายหรือการทำอุ้มบุญในลักษณะเช่นนี้ และการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว จ.หนองคาย

ขณะที่ นายแพทย์ชัชวาล ฤทธิ์ฐิติ รองนายแพทย์สาธารสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ในส่วนของการแพทย์จะต้องนำไปตรวจแล็บที่โรงพยาบาลหนองคาย ว่าเป็นอสุจิ หรือ ตัวอ่อน แต่สังเกตด้วยตาเชื่อว่าน่าจะเป็นอสุจิเพื่อนำไปผสมกับไข่

โดยคาดว่าจะมีแพทย์คนไทยไปดำเนินการที่ต่างประเทศให้ และต้องตรวจสอบสถานบริการทั้งหมดว่ามีใบประกอบที่สามารถดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่ ส่วนเรื่องคดีให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษเป็นหลัก สาธารณสุขทำได้ในส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook