ห้ามรถ6ล้อขึ้นสะพานไทย-เบลเยี่ยมช่วงซ่อม

ห้ามรถ6ล้อขึ้นสะพานไทย-เบลเยี่ยมช่วงซ่อม

ห้ามรถ6ล้อขึ้นสะพานไทย-เบลเยี่ยมช่วงซ่อม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าหน้าทีี่ห้ามรถ 6 ล้อขึ้นบนสะพานไทย - เบลเยี่ยม ในช่วงซ่อมแซมเพื่อความปลอดภัย ขณะ ตร. แจงแผนรับมือจราจร พร้อมสั่งเชค CCTV หาสาเหตุไฟไหม้ ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจสภาพการจราจรบริเวณสะพานไทย - เบลเยี่ยม หลังเปิดการจราจรบนสะพานฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง ให้รถสามารถวิ่งตามปกติเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พร้อมระบุ ขณะนี้ได้เปิดการจราจรบนสะพานไทย - เบลเยี่ยม ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าหัวลำโพงให้รถวิ่งได้ตามปกติแล้ว แต่ฝั่งขาออกมุ่งหน้าคลองเตย ได้รับความเสียหายค่อนข้างมากจึงมีความจำเป็นต้องปิดใช้งานเพื่อทำการซ่อมแซมและปรับปรุง โดยเฉพาะช่องจราจรด้านในคานสะพานที่เป็นเหล็กได้รับความร้อนสูงส่งผลให้คานเหล็กงอตัวและผิดรูปส่งผลให้พื้นผิวจราจรบนสะพานมีการทรุดตัว 30 - 50 เซนติเมตร จำเป็นต้องปิดใช้งานเพื่อซ่อมแซมเป็นเวลา 1 เดือน ส่วนช่องจราจรด้านนอกได้รับความเสียหายเล็กน้อยจะเร่งทำการซ่อมแซมและคาดว่าจะสามารถเปิดใช้งานได้ในวันที่ 6 มี.ค. นี้ ซึ่งจากการเปิดสะพานฝั่งขาเข้าให้รถวิ่งได้ตามปกติก็จะช่วยบรรเทาการจราจรได้บ้างแม้จะยังไม่เป็นปกติ แต่ก็ถือว่าช่วยลดปัญหาการจราจรบนผิวจราจรด้านล่างสะพานได้บ้าง

สำหรับระยะทางของผิวจราจร ฝั่งขาออก ที่ได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้งานได้ยาวประมาณ 30 เมตร หลังจากทำการซ่อมแซมช่องจราจรด้านนอกของฝั่งขาออกและเปิดให้รถวิ่งในวันที่ 6 มี.ค. 60 แล้ว เมื่อผ่านช่วงที่ได้รับความเสียหายของช่องจราจรด้านในแล้วก็จะสามารถให้รถวิ่ง 2 ช่องจราจรได้ตามปกติ และเพื่อความปลอดภัยในการใช้สะพานไทย - เบลเยี่ยม กรุงเทพมหานคร จะเปิดให้รถยนต์ส่วนบุคคล หรือ รถยนต์เล็ก 4 ล้อวิ่งบนสะพานเท่านั้น ส่วนรถ 6 ล้อขึ้นไปขอความร่วมมืองดวิ่งบนสะพานโดยเด็ดขาด เนื่องจากการรับน้ำหนักมากๆ อาจมีผลต่อสะพานในช่วงที่มีการซ่อมแซมได้จะปรับจราจรบนสะพานฯ โดยในเวลาเร่งด่วนช่วงเช้าเวลา 06.00 - 10.00 น. จะเปิดให้รถวิ่งฝั่งขาเข้าทั้ง 2 ช่อง

จราจร ส่วนช่วงเย็นเวลา 15.00 - 20.00 น. จะปรับให้เป็นทางรถวิ่งขาออกทั้ง 2 ช่องจราจร สำหรับนอกเวลาเร่งด่วนจะวางกรวยกั้นช่องจราจรแบ่งเป็นฝั่งขาเข้าและขาออกให้รถวิ่งสวนทางกันฝั่งละช่องจราจร ส่วนการบังคับไฟจราจรยังคงเป็นไปตามปกติไม่มีการปรับเปลี่ยน


ตร.แจงแผนรับมือไฟไหม้ใต้สะพานไทย-เบลเยียม

พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงแผนการรับมือปัญหาจราจร หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณใต้สะพานไทย - เบลเยียม ว่า ขณะนี้สามารถเปิดใช้ถนนบนสะพานได้ 1 ฝั่งทางด้านทิศใต้ ส่วนทางด้านทิศเหนือ อยู่ระหว่างปิดซ่อมแซม โดยจะใช้เวลาประมาณเกือบสองเดือน ส่วนแผนจราจรจะใช้วีธีขยายการรับรถจากพื้นราบเป็นหลัก และใช้ระบบเปิดช่องทางพิเศษเขาเข้า กรณีที่ช่วงเช้าชั่วโมงเร่งด่วน จะให้ใช้สะพานเต็มรูปแบบ ในช่วงเย็นจะเปิดช่องทางพิเศษประมาณ 50 เมตร เพื่อจะมาขึ้นสะพานทางทิศใต้ย้อนกลับไปถนนพระรามสี่เช่นเดิม ซึ่งพื้นราบจะใช้ระบบไฟเหมือนเดิม ฉะนั้นจึงไม่ต้องไปกลับรถที่ สน.ลุมพินี และขอประชาสัมพันธ์ให้รับทราบว่าในช่วงเย็นจะมีการเปิดช่องทางพิเศษรองรับปริมาณรถ ขาออกเป็นหลัก ส่วนตอนเช้าจะรับรถเต็มทั้งสองเลนบนสะพานไทย - เบลเยียม แต่เวลากลางวัน ก็จะให้ใช้ช่องละเลน 

สำหรับประชาชนที่ใช้เส้นทางพระรามสี่ด้านคลองเตย สะพานเหลือง เนื่องจากถนนพระรามสี่ จะรับรถจุดขึ้นลงเป็นทางหลักและเข้าสู่ใจกลางเมือง บริเวณถนนสาทร และเข้ามาสู่ถนนราชปรารภ ถนนราชดำริ บริเวณนี้จะเป็นปัญหานิดหน่อย  ถ้าช่วงเย็นถนนพระรามสี่ ขาออก ไปขึ้นทางด่วนที่บ่อนไก่ บริเวณทางขึ้นสั้นรองรับรถได้ไม่มาก ปริมาณรถก็จะเยอะออกมาท้ายแถวบริเวณถนนพระรามสี่ ถ้าไปทางบางนาก็จะเลี้ยวขวา รถเยอะเช่นกัน ทำให้ทั้งสองฝั่งคับคั่ง จะกระทบมายังสะพานไทย - เบลเยียม โดยตรง ตอนเย็นจะเป็นปัญหามาก 

ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า สำหรับเส้นทางเลี่ยงแนะนำให้ใช้ทางด่วนเพลินจิต สุขุมวิท เพชรบุรี ทดแทน กรณีที่ต้องการใช้ทางด่วน เพราะทางด่านพระรามสี่ พระรามสอง ค่อนข้างรถติดในช่วงเย็น ปกติถ้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วนแยกต่อแยกก็จะมีปัญหาอยู่แล้ว ซึ่งต้องรีบแก้ไข ดังนั้น จึงได้สั่งการว่าต้องเร่งระบายรถก่อนเวลา 15.00 น. เพื่อไม่มีรถสะสมในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน จะได้ไม่กระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่


ตร.เชคCCTVหาปมไฟไหม้สะพานไทย-เบลเยี่ยม  

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงสาเหตุของเพลิงไหม้ใต้สะพานไทย-เบลเยี่ยม ถนนพระราม 4  ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจที่เกิดเหตุได้เก็บพยานหลักฐาน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเพื่อชี้ว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใด จะเป็นวางเพลิงหรือไม่ ทั้งหมดรอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการก่อน เบื้องต้นยังไม่ไม่มีการตัดประเด็นใดทิ้ง  ส่วนกรณีที่ระบุว่าเกิดจากผู้ใช้รถใช้ถนนโยนก้นบุรีลงไปทำให้เกิดเพลิงไหม้นั้น เรื่องนี้ก็อยู่ในสำนวนที่ต้องพิสูจน์ทราบ เนื่องจากสิ่งที่เกิดส่งผลกระทบในวงกว้างกับคนที่ใช้รถใช้ถนน หลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหลายจุดทั้งของราชการ และเอกชน บริเวณโดยรอบ



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook