ฉาวอีก เขตวัฒนาอ้างพิมพ์เขียว ซานติก้า ล่องหน!

ฉาวอีก เขตวัฒนาอ้างพิมพ์เขียว ซานติก้า ล่องหน!

ฉาวอีก เขตวัฒนาอ้างพิมพ์เขียว ซานติก้า ล่องหน!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

งง! พิมพ์เขียว ซานติก้า ผับ ล่องหน สำนักงานเขตวัฒนาอ้างหาย จงรัก ปัดตร.เสียหน้า ยันผลสอบ ซานติก้า ทำตามขั้นตอน-หลักฐาน-พยานบุคคล ชี้ไม่มีการจับแพะ พรทิพย์ โต้ไม่ได้กั๊กหลักฐานวงจรปิด แต่รมว.ยุติธรรมสั่งห้ามไว้ รอให้โอนเป็นคดีพิเศษก่อน วิศวกร-สถาปนิก แจ้งความถูกปลอมลายเซ็นอาคารซานติก้า-33ตึกเขตบางเขน

ความคืบหน้าในคดีซานติก้า ผับไหม้ ซึ่งกลายเป็นปมความขัดแย้งเมื่อสำนวนคดีระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่ตรงกับของกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นอกจากนี้ ยังมีปมการทุจริตของข้าราชการในการปลอมลายเซ็นวิศวกรก่อสร้าง ซึ่งนอกจากจะใช้กับงานสร้างซานติก้า ผับแล้ว ยังมีอาคารอีกกว่า 30 แห่ง

นางวันรพี วุฒิมานานนท์ วิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้าง กล่าวเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ว่า เมื่อทราบว่ามีผู้ปลอมลายเซ็นยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารซานติก้า ผับ จึงเข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา แต่ร้อยเวรยังไม่ออกเลขคดีให้ และยังไม่ดำเนินการใดๆ เมื่อไปขอคัดสำเนาใบอนุญาตขอก่อสร้างอาคารที่มีชื่อตนเป็นผู้ขอที่สำนักงานเขตวัฒนา เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาตให้คัดสำเนา

"สาเหตุที่ถูกปลอมลายมือชื่อไปใช้ขออนุญาตก่อสร้างอาคาร น่าจะเกิดจากกรณีที่เคยนำเอกสารไปยื่นแบบขออนุญาตเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคาร ที่สำนักงานเขตบางเขน จึงอาจทำให้เจ้าหน้าที่บางคนมีสำเนาเอกสารของดิฉัน"นางวันรพี กล่าว

นางวันรพีกล่าวว่า กรณีที่ถูกปลอมลายเซ็นใช้ก่อสร้างอาคาร 33 แห่งในเขตบางเขน ได้เข้าแจ้งความที่ สน.บางเขน แล้ว และเมื่อไปขอคัดสำเนาการขอใบอนุญาตก่อสร้างที่สำนักงานเขตบางเขต เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาตอีก

นางวันรพี กล่าวว่า ปกติการก่อสร้างอาคารที่มีพื้นที่เกิน 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป ขั้นตอนการขออนุญาตจะต้องอยู่ในรูปแบบภาคี คือมีสถาปนิกระดับสามัญ วิศวกรระดับสามัญ วุฒิสถาปนิก และวุฒิวิศวกร ทำงานร่วมกันเป็นทีม ในกรณีของซานติก้า ผับ เป็นอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอย 1,300 ตารางเมตร วิศวกรคนเดียวไม่สามารถขออนุญาตควบคุมการก่อสร้างได้ หากสำนักงานเขตในพื้นที่เห็นเอกสารประกอบการขออนุญาต แบบก่อสร้างจะต้องถูกตีกลับ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีตนเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างเพียงคนเดียว

พ.ต.ท.ชนิน วชิรปราณีกูล รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ไม่ออกเลขคดีในคดีที่นางวันรพี แจ้งความว่า เนื่องจากนางวันรพี ไม่มีพิมพ์เขียวอาคารซานติก้า ผับ ที่ระบุว่ามีการปลอมลายเซ็น จึงรับเป็นคดีไม่ได้ แต่พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และได้ประสานไปยังเขตวัฒนา ให้ช่วยค้นหาพิมพ์เขียวดังกล่าว แต่ได้รับแจ้งว่าหาไม่พบ และจากนั้นไม่กี่วัน เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนา ได้มาแจ้งความว่า พิมพ์เขียวแบบแปลนของอาคารซานติก้า ผับหายไปแล้ว

ด้านนางวรียา พุทธชินวงศ์ ผู้อำนวยการเขตบางเขน กล่าวว่า ทางเขตได้ทะยอยส่งหนังสือเชิญเจ้าของอาคารกว่า 30 แห่งในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัย ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ(ป.ป.ท.)ระบุว่ามีการปลอมลายเซ็นนางวันรพี เพื่อมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่แล้ว ส่วนที่ไม่คัดสำเนาการขอใบอนุญาตให้นางวันรพี เนื่องจากทางเขตได้ส่งเอกสารตัวจริงให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ที่ประสานขอมาไปหมดแล้ว และหากมีเจ้าหน้าที่ของเขตร่วมปลอมแปลงลายเซ็นนางวันรพี ก็ต้องถูกลงโทษตามระเบียบราชการ

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ถึงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงสาเหตุไฟไหม้ซานติก้า ผับ ของกระทรวงยุติธรรม ไม่ตรงกับการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ายืนยันว่า ตร.และกระทรวงยุติธรรมไม่ได้มีความขัดแย้งกัน แต่เป็นเรื่องของการรับฟังพยานวัตถุและพยานบุคคล ที่ผ่านมาตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดไปตามพยานบุคคลผู้รู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งศาลเองก็ได้อนุมัติหมายจับให้ และเมื่อวัน 30 มกราคมที่ผ่านมา ก็ได้พาพยานบุคคลที่เป็นคนถ่ายวีดีโอไปให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซักถามด้วยตัวเอง และพยานปากนี้ก็ยังยืนยันว่า เห็นผู้ต้องหาเป็นคนจุดพลุก่อนเกิดเพลิงไหม้ ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรก็ต้องให้ศาลเป็นผู้วิเคราะห์และวินิจฉัย จึงไม่อยากให้ใครมาชี้ถูกชี้ผิดกันในขณะนี้

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ทุกขั้นตอนของการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปด้วยความรอบคอบ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการจับแพะ และเรื่องนี้ตำรวจยังไม่ปิดคดี เนื่องจากยังต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกหลายส่วน สำหรับเทปวงจรปิดบันทึกภาพภายในซานติก้า ผับ ขณะเกิดเหตุในส่วนที่ตำรวจมีนั้น ไม่มีภาพที่ชัดเจน ส่วนภาพจากกล้องวงปิดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)มีนั้น เพิ่งทราบเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา จึงขอไปยัง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาประกอบกับสำนวนการสอบสวน แต่ได้รับการปฏิเสธ

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกเสียหน้า หรือเสียความรู้สึกในการทำคดีหรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า "ไม่หรอก เราร่วมมือกันตั้งแต่แรก นอกจากนี้นายพีระพันธ์ ยังกรุณาให้ผมพาพยานไปดูภาพจากกล้องวงจรปิด และยังเลี้ยงข้าวผมด้วย" เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่หากผู้ต้องหาจะมีการฟ้องกลับ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเรื่องนี้มีพยานบุคคลชัดเจน ก่อนจับกุมก็ไปขออนุมัติจากศาล และดำเนินการตามหมายจับของศาล ซึ่งใครที่จะมากล่าวหาว่าตำรวจจับแพะจะต้องระมัดระวัง

ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า เมื่อมีการโอนคดีไฟไหม้ซานติก้า ผับ เป็นคดีพิเศษ จะประสานขอหลักฐานจากสำนักวิทยาการตำรวจ เพื่อจำลองเหตุการณ์เพลิงไหม้และเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ส่วนกรณีพล.ต.อ.จงรัก ระบุว่า ไม่ให้หลักฐานภาพวีดีโอกับตำรวจนั้น ยืนยันว่า ในที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้สั่งการว่า จะยังไม่มอบให้พนักงานสอบสวน เพราะต้องการเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ลงมติรับโอนคดีเป็นคดีพิเศษ จากนั้นดีเอสไอจึงจะทำงานร่วมกับตำรวจ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้เข้าพบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เพื่อประสานข้อมูลกรณีที่ตรวจสอบพบขบวนการปลอมแปลงลายเซ็นวิศวกรและสถาปนิกในการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร นอกจากนี้ประสาน กทม.ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในช่วงการขออนุญาตก่อสร้าง และเปิดใช้อาคารซานติก้า ผับ ว่า มีเจ้าหน้าที่กี่คนที่เกี่ยวข้องบ้าง เนื่องจาก เปิดให้บริการมาแล้ว 5 ปี และยังพบว่าเจ้าหน้าที่ละเลยการตรวจสอบการใช้อาคาร

"วิศวกรและสถาปนิกที่ถูกปลอมลายเซ็นคือ นางวันรพี วุฒิมานานนท์ วิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้าง และนายสำเภา จันทรเมฆา สถาปนิกผู้ออกแบบ ขณะนี้ทั้งสองคนได้แจ้งความว่า ถูกปลอมลายเซ็นไปใช้ในการขออนุญาตก่อสร้างอาคารซานติก้า ผับ และยังพบว่าถูกปลอมลายเซ็นไปใช้ในการก่อสร้างอาคารอีก 33 อาคาร ในเขตบางเขน โดยได้แจ้งความไว้ที่ สน.ทองหล่อและสน.บางเขน แล้ว"นายธาริต กล่าว

นายธาริต กล่าวว่า เมื่อรับโอนเป็นคดีพิเศษแล้ว เชื่อว่า จะมีการกระจายงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดไปให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในส่วนของป.ป.ท.จะรับผิดชอบดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)จะเข้ามาตรวจสอบการฟอกเงิน โดยเฉพาะเงิน 20 ล้านบาท ที่ถูกโอนเข้าบัญชีของซานติก้า ผับ ซึ่งยังระบุที่มาไม่ได้

ด้านนายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีนายธาริต ประสานขอข้อมูลว่า ได้มอบหมายสำนักการโยธา (สนย.) ตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์

นพ.ชัยวิวัฒน์ ตุงคะเสรีรักษ์ แพทย์ด้านประสาทวิทยา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวถึงอาการของ น.ส.อนุสรา คลี่สุข อายุ 30 ปี ชาว อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้ซานติก้า ผับ และยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ว่าขณะนี้อาการดีขึ้นมาก ความทรงจำเริ่มฟื้นตัวได้ดี แต่กล้ามเนื้อนั้นยังเกร็ง ทำให้ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ คงต้องอาศัยการกายภาพบำบัดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

ด.ต.ประกอบ คลี่สุข อายุ 60 ปี ผู้บังคับหมู่งานสืบสวนปราบปราม สภ.ครบุรี จ.นครราชสีมา บิดา น.ส.อนุสรา กล่าวว่า น.ส.อนุสรา ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพเจ้าหญิงนิทรา แต่ขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้น สามารถรับรู้และตอบสนองกับบุคคลรอบข้างและสิ่งต่างๆ ได้ดี

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook