แม่ร้องสื่อ! สงสัยพี่เลี้ยงฆ่าลูก 2 ขวบ พบพริกในช่องท้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น.ข่าวเดินทางไปที่วัดหนองตุน้อย ถนนบายพาส 36 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังทราบเรื่องเด็กชายวัย 2 ปี เสียชีวิตและตั้งศพไว้ที่วัดดังกล่าว โดยแม่และญาติติดใจสาเหตุการตาย เนื่องจากศีรษะเด็กบวม ตามร่างกายมีรอยเขียวช้ำหลายจุด หลังฝากลูกชายเลี้ยงกับคนรู้จัก

บริเวณศาลาในวัดหนองเกตุพบ น.ส.เมรี อายุ 23 ปี แม่ของ ด.ช.เตชิต อายุ 2 ปี ที่เสียชีวิต โดยเล่าว่า ตนเองมีอาชีพรับจ้างจะกลับบ้านดึกดื่น และไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงลูก เนื่องจากไม่มีญาติและต้องทำงานคนเดียว ส่วนสามีได้แยกทางกัน

โดยปกติจะฝากเลี้ยงไว้ที่อื่นซึ่งอยู่ไกล ทางนางอ้อมรู้จักแค่ชื่อเล่นได้เปิดร้านขายของชำใกล้ที่พักตน ได้บอกกับตนว่านำลูกชายมาฝากไว้กับเขาก็ได้ ตนจึงเอาลูกชายไปฝากกับนางอ้อมตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ตอนแรกทางนางอ้อมก็เอาใจใส่อย่างดี ไปไหนก็จะพาลูกชายไปด้วย ซึ่งหากวันไหนตนหยุดก็จะไปรับลูกมาอยู่ด้วย

พอช่วงก่อนวันเด็กตนก็ไปรับลูกมาอยู่ด้วย ก็เห็นลูกมีอาการหัวปูด ตนจึงถามนางอ้อมว่าลูกชายไปโดนอะไรมา นางอ้อมตอบมาว่าลูกชายวิ่งไล่แมวแล้วล้มตนจึงไม่ได้เอะใจ

ต่อมาช่วงวันที่ 16 ม.ค. นางอ้อมโทรศัพท์มาหาตนเองและบอกว่าลูกช็อกอยู่ รพ.บางละมุง ตนจึงเดินทางไปที่รพ. ก่อนส่งต่อไปที่รพ.ชลบุรี เมื่อตนเองถามว่าลูกเป็นอะไร นางอ้อมตอบเพียงเดินๆ อยู่เกิดชักแล้วก็แน่นิ่ง จึงนำส่งรพ.

หลังจากส่งมารักษาที่ รพ.ชลบุรี แพทย์บอกว่าต้องเอ็กซเรย์สมองเพราะได้รับการกระทบกระเทือน ศีรษะด้านหลังนูนมาประมาณ 3 ซม.อาจจะมีเลือดคั่งในสมอง นอกจากนี้ ตนสังเกตว่าตามตัวน้องมีรอยช้ำหลายแห่ง

ต่อมาแพทย์ได้บอกตนว่าต้องเตรียมใจไว้บ้าง เพราะลูกชายใช้เครื่องช่วยหายใจ จนกระทั่งมาเสียชีวิตในวันที่ 19 ม.ค. โดยแพทย์ระบุในใบรับรองการตายว่า เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง และสมองได้รับความกระทบกระเทือน

น.ส.เมรี กล่าวต่อว่า จากการได้พูดคุยการทางแพทย์คนที่ผ่าน้อง พบว่ามีพริกขนาด 7 ซม.อยู่ในช่องท้อง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่น้องวัยเพียง 2 ปี จะกินเข้าไปเองได้ ทางครอบครัวจึงคิดว่าน้องเตชิตไม่ได้ตายเองแน่นนอน

ทั้งนี้ น.ส.เมรี ได้ร้องเรียนไปยังมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ให้ลงมาตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว เพราะเห็นว่าลูกตนเองถูกฆ่าแน่นอน

ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ ทราบว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายแล้ว โดยจะนำข้อมูลไปเพื่อนำเสนอกับนางปวีณา หงสกุล ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หรือจะลงพื้นที่จริงเพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว