สลด พบโครงกระดูกผู้หญิงกลางป่าอ้อย นอนตายท่าถูกขึงพืด
(2 พ.ย.) ร.ต.ท.ชัยวานิช คำละมูล พนักงานสอบสวน สภ.ย่อยสำราญ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ 12 ต.โนนท่อน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ว่า พบศพคนตายเหลือแต่โครงกระดูก กะโหลกศีรษะ ลักษณะเหมือนถูกข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งในป่าอ้อยบ้านบึงแก ห่างจากถนนมิตรภาพประมาณ 20 เมตร และใกล้กับสะพานห้วยหมาออ หมู่ 14
ที่เกิดเหตุพบศพที่เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 สัปดาห์ จนเหลือแต่โครงกระดูกมีเนื้อสีดำติดเพียงเล็กน้อย หัวกะโหลกเหมือนนอนหงาย หันศีรษะไปทางทิศตะวันตก ลักษณะกางแขนกางขาทั้งสองข้างเหมือนกับถูกจับขึงพืด
ในตัวศพสวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินคาดขาว กางเกงในแบบผู้ชาย และกางเกงขาสั้นสีแดงกองอยู่ที่หัวเข่าของผู้ตาย นอกจากนี้มีผมดำกระจุกอยู่ที่หนังกะโหลกผู้ตาย โดยมีกิ๊ปหนีบผมไว้ และมีคาดผมสีดำหล่นอยู่ใกล้กัน นอกจากนี้ผู้ตายยังได้สวมใส่กำไลที่แขนซ้าย มีสายสิญจน์สวมใส่อยู่ที่คอผู้ตายด้วย และยังพบกับกำไลถักเหมือนเครื่องรางใส่ในข้อมือขวาของผู้ตาย 1 เส้น
จากการชันสูตรพลิกศพแพทย์เวรสันนิษฐานว่า ผู้ตายเสียชีวิตมานานจนเน่าเปื่อยเหลือโครงกระดูก ชิ้นเนื้อบางส่วนที่แห้งติดกระดูก และกะโหลกศีรษะผู้ตายเท่านั้น การตรวจสอบเบื้องต้นเป็นผู้หญิงอายุ 30 - 35 ปี สูง 160 ซม. เป็นคนรูปร่างผอม
ตอนนี้ยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าผู้ตายได้มานอนตายในป่าอ้อยที่ดังกล่าวได้อย่างไร เพราะไม่พบร่อยรอยการบาดเจ็บ กระดูกและกะโหลกสภาพปกติทุกอย่างไม่มีรอยถูกทุบตี แต่เห็นฟันสองซี่หล่นใกล้ตัวศพ
ที่น่าสังเกตคือท่านอนของผู้ตายมีลักษณะกางขา กางแขน เหมือนกับถูกข่มขืน แต่ในเรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ว่าถูกข่มขืนหรือไม่ ต้องนำกระดูก กะโหลก ไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์อีกครั้งหนึ่งว่าผู้ตายเสียชีวิตจากสาเหตุใด
ในส่วน พ.ต.อ.นพดล ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีที่เป็นเจ้าของป่าอ้อยจุดพบศพคนตาย ซึ่งแพทย์บอกว่าเป็นผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป การตายเหมือนถูกผู้ชายมากกว่า 2 คน นำตัวมาจากที่อื่นมาข่มขืนในป่าอ้อยในลักษณะขึงพืด แล้วผู้ก่อเหตุก็เก็บหลักฐานผู้ตายไปทั้งหมดทิ้งเหลือเพียงศพผู้ตายกับเสื้อผ้าผู้ตายทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบศพผู้ตายที่เป็นหญิงนิรนามให้กับมูลนิธิขอนแก่นสามัคคีอุทิศนำศพไปที่ รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุใดแน่ หลังจากนั้นจะได้สืบสวนสอบสวนหาคนร้ายมาจัดการตามกฎหมายให้เร็วที่สุดต่อไป