บรรยินโร่แจ้งความพี่สาวชูวงษ์หมิ่นประมาท
พ.ต.ท.บรรยิน โร่แจ้งความกองปราบ ให้ดำเนินคดี พี่สาวชูวงษ์ ฐานหมิ่นประมาท จ่อแจ้ง ผบก.ป. ด้วย ขณะพงส.กองปราบ เชิญ บรรยิน สอบปากคำเพิ่ม คดีโอนหุ้น เสี่ยชูวงษ์ ก่อนเร่งสรุปสำนวน
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวของ นายชูวงศ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
จากกรณีที่ นางวันเพ็ญ กล่าวหา พ.ต.ท.บรรยิน ในโลกโซเชียล ว่า เป็นคนแจ้งสรรพากร ให้เข้าไปตรวจสอบบริษัทของ นางวันเพ็ญ ทั้งที่ความจริงการที่สรรพากรเข้าไปตรวจสอบบริษัทก็เป็นเรื่องปกติ ซึ่งวันนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ได้นำหลักฐานเป็นสำเนาการสนทนาของ นางวันเพ็ญ ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์มายื่นให้กับพนักงานสอบสวนด้วย
พร้อมกันนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ยังทำหนังสือสอบถามถึงพนักงานสอบสวนกองปราบปราม กรณีการตั้งข้อกล่าวหาปลอมแปลงเอกสารว่า ปลอมแบบไหน ประเด็นลักทรัพย์ลักอย่างไร เพื่อจะทำเรื่องแก้ข้อกล่าวหาได้ถูก
ส่วนกรณีที่ ตำรวจกองปราบปราม ได้มีการไปค้นบ้านพักของบุตรสาว พ.ต.ท.บรรยิน ถึง 27 ครั้ง โดย กองปราบปราม อ้างว่าเป็นการค้น ตามอำนาจ คสช. มาตรา 44 นั้น พ.ต.ท.บรรยิน ระบุว่า เตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดี พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม ในความผิดฐานการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ซึ่งขณะนี้ทนายความอยู่ระหว่างร่างคำฟ้อง และเตรียมดำเนินคดีภายในสัปดาห์หน้า
ป.เชิญบรรยินให้ปากคำโอนหุ้นอีกเร่งสรุปสำนวน
พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้เชิญ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าไปชี้แจงกรณีที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.บรรยิน ได้ทำหนังสือสอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนในคดี การโอนหุ้นของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ โดย พ.ต.ท.บรรยิน ระบุว่า ตนเองทำหนังสือสอบถามเป็นลายลักษณ์อักษร หากพนักงานสอบสวนจะชี้แจงด้วยวาจาก็สามารถทำได้ แต่ขอเป็นลายลักษณ์อักษร ควบคู่กันด้วย ซึ่งในส่วนของความคืบหน้าของคดีนี้ ยังคงสอบปากคำพยานเพิ่มเติมและเร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีปลอมแปลงเอกสารและหลักทรัพย์ เพื่อจะเร่งสรุปสำนวนให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาก่อนส่งฟ้อง
ส่วนเรื่องของการตรวจสอบรถยนต์ของ พ.ต.ท.บรรยิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม