กรมศุลแถลงยึดสินค้าต้องห้ามมูลค่า7.7ล้านบาท

กรมศุลกากร แถลงผล ตรวจยึดของต้องห้าม ต้องกำจัด ลักลอบส่งไปรษณีย์เข้ามาในประเทศไทย มูลค่ารวมกว่า 7.7 ล้านบาท
นายประยุทธ์ มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรกรุงเทพฯ แถลงผลการตรวจยึด พืชคาทแห้ง น้ำหนัก 671 กิโลกรัม / เฟรมรถจักรยานยนต์เก่า / วัตถุลามก / ยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ / และ บารากู่ เป็นของต้องห้ามต้องกำกัด ที่ลักลอบส่งเขัามาในประเทศไทย ทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ มูลค่ารวมกว่า 7.7 ล้านบาท
นายประยุทธ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจยึดของกลางทั้งหมด สืบเนื่องจากได้จัดชุดปฏิบัติการตรวจคัดไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศ เพื่อตรวจสิ่งผิดกฎหมายที่ลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทย โดยมีการเปิดตรวจพัสดุทุกกล่อง และพบว่ามีการลักลอบส่งวัตถุลามก และยาเสริมสมรรถภาพทางเพศจำนวนมาก ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และสำหรับพืชคาท ที่ตรวจยึดได้พบว่ามีการลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยยึดเป็นครั้งที่สอง ซึ่งครั้งแรกสามารถตรวจใบพืชคาดสด ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อ 2 ปีก่อน และครั้งนี้ถือเป็นการลักลอบนำเข้าพืชคาทแห้งจำนวนมากที่สุด โดยมีต้นทางมาจากประเทศเอธิโอเปีย และเคนย่า เพื่อส่งให้ชาวต่างชาติ ที่พักอาศัยในประเทศไทย ย่านประตูน้ำ และรามคำแหง ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผลจับกุมมาดำเนินคดี
และสำหรับพืชคาท หากเป็นใบสด จะพบสารคาทิโนน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 1 แต่หากเป็นชนิดใบแห้ง จะพบสารคาทีน จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 โดยมีการเพาะปลูกเริ่มแรกในแอฟริกาตะวันออก และคาบสมุทรอาระเบีย ซึ่งผู้ที่เสพพืชคาทส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และหากมีการผลิต/ ขาย/นำเข้า/ส่งออก หรือ ครอบครองถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท มีโทษจำคุก 5 ถึง 20 ปี ปรับตั้งแต่ 1 แสน ถึง 4 แสนบาท ส่วนผู้เสพจะมีโทษจำคุก 1 ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่น ถึง 1 แสนบาท