คสช.สอบ2ผตห.บึ้มโยงอิซาน-จ่อหมายจับหลังค้นหอพักวิภาฯ
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ แถลง แถลง สอบ 2 ผู้ต้องหาคดีบึ้ม โยง 'อิซาน' เส้นทางเงินเอี่ยวหลายคน ค้นห้องพัก 2 จุดยึดวัตถุพยานเพิ่ม ขณะที่ ผบ.ตร. ปัดมาเลย์รวบทีมบึ้มเพิ่ม จ่อหมายจับหลังค้นหอพักวิภาฯ
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนคดีเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ผ่านทางโทรทัศน์รวมกรรเฉพาะกิจ โดย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 กล่าวว่า เมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมาได้มีการสอบสวนปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในเรื่องของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้นั้น จากการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ พบข้อมูลมีความเชื่อมโยงไปถึง นายอิซาน พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดมีนบุรีเพื่อออกหมายจับ และศาลได้อนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในความผิดมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ จากการรวบรวมพยานหลักฐาน สืบสวนติดตามของเจ้าหน้าที่ทหารทางด้านธุรกรรมทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นอีก ทหารได้ประสานสถานีตำรวจนครบาล ร่วมกันบูรณาการกำลังเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นหอพัก บ้านเช่า บริเวณอ่อนนุช และซอยหอการค้า ซึ่งจากการตรวจค้นได้ยึดสิ่งของที่เชื่อว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำของกลุ่มดังกล่าว จึงเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องไปทำการสอบสวนปากคำเพื่อขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวชี้แจงการดำเนินการของศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช. ว่าการติดตามสืบสวนคดี ยังคงมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต นั้น ปัจจุบัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อยู่ระหว่างหารือหน่วยเกี่ยวข้อง เพื่อหาความเป็นไปได้ในการเพิ่มเติมเงินช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ ให้มีความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันยิ่งขึ้น และในสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ทราบว่า มีประเทศที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ ได้แสดงความขอบคุณมายังรัฐบาลไทย ที่ให้การช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต และดูแลนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ผลการสืบสวนสอบสวนคดี ได้คืบหน้าจนสามารถพบความเชื่อมโยงในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้สังคมเกิดการวิเคราะห์ วิจารณ์ และคาดการณ์ไปได้ในหลายแนวทาง ภายใต้ข้อมูลที่แต่ละบุคคลได้รับทราบ ดังนั้น ยังคงต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการวิเคราะห์ เชื่อมโยงเหตุการณ์ หรือระบุเหตุจูงใจในการก่อเหตุไปที่ประเด็นใดประเด็นหนึ่งเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน และสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่ส่งผลกระทบในด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
สมยศปัดมาเลย์รวบทีมบึ้มเพิ่มจ่อหมายจับหลังค้นหอพักวิภา
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธข่าวตำรวจมาเลเซียควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ได้ 3 ราย ตามที่มีสื่อต่างชาตินำเสนอ พร้อมย้ำว่า ไม่มีตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเข้าไปปฏิบัติงานสืบสวนติดตามคดีในต่างประเทศ ส่วนที่มีข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทราบเบาะแสและชื่อของชายเสื้อเหลืองนั้น ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงาน รวมทั้งไม่ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียแน่นอน แต่ยอมรับมีกระแสข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุตามแนวชายแดนจริง ซึ่งตำรวจยังติดตามการข่าวอย่างใกล้ชิด และสืบสวนติดตามผู้ต้องหาทั้งหมด และระบุว่า กรณีการเชิญตัวพยาน 3 คน จากหอพักหญิง ย่านวิภาวดี เมื่อวานนี้ ยังไม่ชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร ทั้งการทำธุรกรรมการเงิน และการเรียกแท็กซี่เพื่อนำพาชายเสื้อสีฟ้าหลบหนี ซึ่งตำรวจต้องสอบสวนอย่างรัดกุม เพื่อจะขยายผลไปสู่การออกหมายจับหลังจากนี้ ส่วนที่มีการระบุว่า นายอิซาน หลบหนีออกไปประเทศบังกลาเทศ ไปยังประเทศจีน จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน จากนั้นจึงจะประสานไปยังประเทศปลายทาง เพื่อติดตามหรือขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ส่วนการย้ายตัว นายอาเดม คาราดัก และ นายไมไรลี ยูซุฟู จากเรือนจำพิเศษมีนบุรีไปยังเรือนจำชั่วคราวที่จะจัดตั้งขึ้นในมณฑลทหารบกที่ 11 หรือ มทบ.11 นั้น เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หากมีการย้ายก็อาจจะเป็นเรื่องความปลอดภัยและความจำเป็นในเรื่องการสอบปากคำ เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ ส่วนจะขึ้นศาลทหารหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับแนวทางการสืบสวน
ครอบครัวค้านวรรณากลับไทยสู้คดีบึ้มหวั่นเป็นแพะ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างจาก นสพ.ไทยสำนักหนึ่ง ที่ได้รายงานว่า ครอบครัวของ น.ส.วรรณา สวนสัน ใน จ.พังงา ผู้ถูกออกหมายจับฐานอาจมีส่วนรู้เห็นในเหตุระเบิดหน้าศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ โดยครอบครัวของ น.ส.วรรณา ได้แนะนำเธอ ยังไม่ต้องกลับไทย เพราะกลัวว่า น.ส.วรรณา จะกลายเป็นแพะรับบาป โดย นายอิชา สวนสัน พี่ชายของ น.ส.วรรณา กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ไม่มีทางที่น้องสาวของตนเองจะเป็นส่วนหนึ่งของการก่อเหตุดังกล่าว และเธอก็ไม่เคยทำอย่างนั้น นายอิชา บอกว่า ได้ใช้โปรแกรมไลน์ ใช้ในการพูดคุยกับ น.ส.วรรณา หลังจากเธอได้ถูกทางการไทยออกหมายจับ แต่ นายอิชา บอกว่า ชื่อในการติดต่อได้ถูกลบจากบัญชีของเธอไปแล้ว และเธอไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวกลับมาอีก ส่วน นายดำ สวนสัน น้องชายของ น.ส.วรรณา ได้อธิบายว่า ทำไมชื่อของพี่สาวอยู่ในสัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์ ว่า ผู้จัดการของอพาร์ตเมนต์ ได้ขอให้พี่สาวทำหน้าที่เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับเพื่อนของสามีที่อยากจะเช่าห้องพัก เพราะพวกเขาไม่สามารถพูดภาษาไทยได้
ทั้งนี้ นายดำ กล่าวอีกว่า เชื่อใจในความบริสุทธิ์ของพี่สาวตัวเอง แต่ไม่ไว้วางใจสามีของพี่สาว โดยในรายงานข่าว ระบุว่า ครอบครัวของ น.ส.วรรณา พวกเขารู้เรื่องราวเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวของ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ที่แต่งงานกันในปี 2013
ผบช.คุกยังไม่ได้รับประสานส่งผตห.บึ้มไปมทบ.11
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ (อ่านว่า อายุด สินทบ-พัน) ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ล่าสุดยังไม่ได้รับการประสานจากเรือนจำพิเศษมีนบุรี ว่าจะมีการส่งมอบตัว นายอาเดม คาราดัก และ นายเมียไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาที่เชื่อมโยงกับคดีระเบิด บริเวณสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ไปคุมขังยังเรือนจำชั่วคราวในมณฑลทหารบกที่ 11 และยังไม่ทราบวันเวลาในการส่งมอบ
ส่วนด้านบรรยากาศที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี ยังคงปกติ และ นายไพฑูรย์ อำพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจําพิเศษมีนบุรีอยู่ระหว่างให้การต้อนรับ นายเรืองศักดิ์ สุวารี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่เดินทางมาตรวจราชการ พร้อมประชุมมอบนโยบายโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ขณะนี้ขั้นตอนการย้าย ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อยู่ระหว่างรอหนังสือส่งตัวซึ่งคาดว่าหนังสือดังกล่าวจะส่งมาถึงเรือนจำพิเศษมีนบุรี ในวันนี้
ผบ.เรือนจำฯมีนบุรีเผยส่งผตห.บึ้มรอเอกสาร
นายไพฑูรย์ อำพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษมีนบุรี เปิดเผยกรณีการส่งตัว นายอาเดม คาราดัก และ นายเมียไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาที่เชื่อมโยงกับคดีระเบิด บริเวณสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ไปคุมขังยังเรือนจำชั่วคราวในมณฑลทหารบกที่ 11 ว่า ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารส่งตัวจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ส่วนจะย้ายผู้ต้องหาไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราว ในมณฑลทหารบกที่ 11 เมื่อไรนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากห่วงความปลอดภัย
ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี ไม่มีอาการเครียด สภาพการเป็นอยู่ยังปกติ และยังไม่มีญาติเข้าเยี่ยมตั้งแต่วันแรกที่ถูกคุมตัวมา