คสช.สอบ "อาเดมยูซุฟู" ให้การเชื่อมโยงขบวนการไทย ตปท.

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย จากศูนย์ติดตามสถานการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ถึงการติดตามสืบสวนคดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ส่งตัว นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่พูลอนันต์ อพาร์ทเมนท์ เขตหนองจอก ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยศาลจังหวัดมีนบุรีได้อนุมัติให้ฝากขัง นายอาเดม คาราดัก ผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ส่วน นายยูซุฟู ซึ่งถูกจับกุมตัวได้ที่จังหวัดสระแก้ว เมื่อครบกำหนดกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จะได้มีการส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขยายผลการสอบสวน ในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนึ้ จากการสอบสวนนายอาเดมและนายยูซุฟู รวมทั้งพยานบุคคลอื่นๆ อีกหลายราย เริ่มให้การที่เป็นประโยชน์ ในการเชื่อมโยงไปสู่เครือข่ายกลุ่มบุคคลทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ซึ่งผลการสืบสวนดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แถลงรายละเอียดบางส่วนให้รับทราบตามความจำเป็นต่อไป
สำหรับการปฏิบัติงานของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในการรักษาความปลอดภัยและดูแลนักท่องเที่ยว พบว่า สถานการณ์โดยทั่วไปกลับสู่สภาวะปกติ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และสถานที่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ยังเดินทางมาท่องเที่ยวตามแผนการเดินทางที่ได้จองไว้ล่วงหน้า
ส่วนการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จนถึงปัจจุบัน รวมการจ่ายเงินช่วยเหลือจากส่วนราชการ มูลนิธิ และองค์กรต่างๆ ให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 10,780,000 บาท ทั้งนี้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ 11 แห่ง รวม 23 คน
โฆษกคสช. กล่าวว่า ผลจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐและความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ส่งผลให้สถานการณ์คลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วการสืบสวนสอบสวนในทางคดีมีความคืบหน้าไปอย่างมาก อย่างไรก็ดี ในห้วงต่อไปจะเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว (High Season) จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการในการให้การต้อนรับ การให้บริการ และการดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด เช่นที่เคยปฏิบัติมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีเสน่ห์และน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว