ปธ.วุฒิยันรับเรื่องรมต.ลงมติงบฯเพิ่มเติมส่งป.ป.ช.-ศาลรธน.

ปธ.วุฒิยันรับเรื่องรมต.ลงมติงบฯเพิ่มเติมส่งป.ป.ช.-ศาลรธน.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(30ม.ค.) นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวกรณีที่ส.ส.ฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนรัฐมนตรีที่ลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 ว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 177 เพราะมีส่วนได้เสีย ว่า เป็นคนละเรื่องกัน ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันโดยตรงยกตัวอย่าง สมมติว่ามีคนเอาหนังสติ๊กไปยิงไก่ แล้วเกิดไก่วิ่งไปชนหม้อแกงหก จนทำให้ไม่สามารถกินได้ แล้วอย่างนี้จะไปโทษคนยิงไก่ได้อย่างไร อย่างไรก็ตามหาก ส.ส.ยื่นเรื่องมาให้ ตนก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องทั้งเรื่องรายชื่อ และข้อหา แล้วส่งไปให้ป.ป.ช.หรือศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยชี้ขาด เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป ที่ผ่านมามีรัฐมนตรีเคยลงมติในลักษณะนี้เหมือนกัน เมื่อมีการเสนอร่างกฎหมายเข้ามาส.ส.ก็มีอำนาจหน้าที่ในการผ่านกฎหมาย ถ้าไม่ทำหน้าที่ หรือไม่เข้าประชุมก็จะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

เมื่อถามว่าในฐานะนักกฎหมายมองคำว่ามีส่วนได้เสียเป็นอย่างไร นายประสพสุข กล่าวว่า การได้เสียในเรื่องนี้หมายความว่างบประมาณที่ลงไปอยู่ในโครงการแล้วส.ส.มีส่วนได้เสียโดยตรง แต่ถ้าเป็นงบประมาณโดยรวมแสนกว่าล้านบาทแล้วนำไปใช้กับประชาชนทั่วประเทศอย่างนี้ ก็ต้องดูว่าโดยตรงหรือไม่ ต่อข้อถามว่าถ้างบประมาณลงไปในส่วนของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงยุติธรรมถือเข้าข่ายหรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า ไม่น่าจะแยกกันได้ เพราะรวมอยู่ในงบประมาณก้อนเดียวกัน ต่อข้อถามที่ว่าทางอ้อมไปเกี่ยวข้องจะทำอย่างไร นายประสพสุข กล่าวว่า ก็ต้องส่งให้ตีความว่าทางอ้อมคืออะไร หรือดูเป็นเรื่อง ๆไป

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เท่าที่ดูน่าจะเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 177 วรรค 3 ซึ่งจะให้ ส.ส.สามารถใช้สิทธิ์ยื่นตามมาตรา 270 ที่เห็นว่ารัฐมนตรีใช้อำนาจหน้าที่ทุจริตหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยแค่เพียงส่อว่าจงใจ ก็ยื่น ป.ป.ช แต่ถ้ายื่นตามมาตรา 275 คือ ยื่นต่อศาลฏีกาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหากศาลรับคำร้องรัฐมนตรีก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ว่าส.ส.รัฐมนตรี หรือส.ว.จะต้องระมัดระวังมากขึ้นในการใช้กรอบอำนาจ ซึ่งต้องมีความชัดเจนเรื่องการใช้อารมณ์ อย่าปฏิบัติตนขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ในเรื่องจริยธรรมต้องอยู่สูงกว่ากฎหมายและบังเอิญว่าเป็นครม.ที่มีคนมองว่ามีมาตราฐานทางจริยธรรมสูง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ระบุว่า ไม่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบกรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย แจกเงินพร้อมนามบัตร ที่ตนเองได้ยื่นเรื่องไปตามรธน.มาตรา 266 นายเรืองไกร กล่าวว่า ขณะนี้กกต.แต่ละคนก็ยังเห็นไม่สอดคล้องกัน แต่ทุกอย่างอยู่ที่ข้อกฎหมายรธน.มาตรา 266 ที่ต้องตีความคำว่า โดยทางตรงหรือทางอ้อม เมื่อถามว่าถึงกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายเรื่องไกร กล่าวว่า มีส.ว.และคณะกรรมาธิการบางชุดตรวจสอบอยู่ แต่เท่าที่ฟังการชี้แจงของนายวิฑูรย์ หลายครั้งข้อมูลก็ไม่สอดคล้องกัน ดังนั้นก่อนออกมาพูดก็ต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนก่อนเหมือนอย่างนายชวน หลีกภัย ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ที่พูดแต่ละครั้งก็ศึกษามาเป็นอย่างดี

โรฮิงญา ถูกทหารพม่าทารุณ! เหรียญอีกด้านที่สื่อนอกละเลย

การเปิดประเด็น ทหารเรือไทย ทารุณกรรมผู้อพยพชาวโรฮิงญา ก่อนจะตามมารุมถล่มอีกชุดใหญ่จากสื่อหัวใหญ่ๆ ทั่วโลก ล่าสุดก็เป็นซีเอ็นเอ็นที่ย้ำหัวตะปูด้วยภาพที่อ้างว่า ทหารเรือไทยชักลากเรือผู้อพยพออกไปลอยเท้งเต้งกลางทะเล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook