สมยศน้อมรับมติถกถอดยศทักษิณห่วงคนเอี่ยวคดีชูวงษ์

ผบ.ตร. ยัน น้อมรับมติถอดยศทักษิณ วอนทุกฝ่ายยอมรับให้ได้ ไม่รู้มีคนเสนอ นายกฯ ใช้ ม.44 พร้อมเผย รู้ตัวคนบงการนิติกรรมอำพรางโอนหุ้นชูวงษ์ กว่า 300 ล้าน เตือนพบตำรวจ หวั่นถูกเก็บ

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 
อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะประชุมชี้ขาดว่าจะมีมติถอด
หรือไม่ถอนยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งทีมคณะทำงานถอดยศ นำโดย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ 10 ไปชี้แจงแล้ว โดยส่วนตัวไม่ได้กำชับ หรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่ให้ชี้แจงไปตามข้อเท็จที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการมา ส่วนผลการประชุมวันนี้จะออกมาอย่างไรนั้น ตนเองไม่ทราบ แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็พร้อมน้อมรับ และดำเนินการขั้นต่อไป โดยยืนยันว่า ช่วงคาบเกี่ยวก่อนที่จะมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่นั้น ไม่ใช่อุปสรรคหรือปัญหา หากยังอยู่ระหว่างที่ตนเองดำรงตำแหน่ง ก็จะดำเนินการ แต่หากไม่ทัน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ก็ต้องดำเนินการต่อ 

สำหรับกรณีที่มีการถกเถียงกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจไม่เข้าข่าย เนื่องจากไม่ได้กระทำผิดขณะรับราชการตำรวจนั้น ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ. 2547 ต้องกลับไปดูว่าที่ดำเนินมานั้นถูกหรือไม่ ซึ่งตนเองก็ได้ประเด็นดังกล่าวให้กฤษฎีกาช่วยตีความและตรวจสอบแล้ว พร้อมยืนยันว่า ตนเองทำอย่างรอบคอบรัดกุมที่สุด ไม่ใช่ตามกระแสของตามมติของคณะกรรมการเพียงอย่างเดียว แต่การตั้งคณะกรรมการขึ้นมานั้น เพื่อให้ช่วยกลั่นกรองและตรวจสอบอีกครั้ง 

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอให้กลุ่มที่เห็นต่าง ยอมรับให้ได้ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ทราบว่ามีคนเสนอให้นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 มาใช้ในการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ

สมยศบอกรู้ตัวคนบงการโอนหุ้นชูวงษ์-ห่วงถูกเก็บ

พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวเตือนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการนิติกรรมอำพรางการโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ไปยังโบรกเกอร์สาว ของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ว่า ให้มาพบพนักงานสอบสวน เนื่องจาก พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ติดตามการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจกองปราบปราม และรายงานให้ทราบว่า การโอนหุ้นมีความผิดปกติ และพบหลักฐานสำคัญที่เชื่อใมโยงไปยังคนบงการให้มีการปลอมแปลงการโอนหุ้น ทำให้ตนมีความกังวลว่าพยาน และผู้ที่เกี่ยวข้องอาจจะได้รับอันตรายถูกทำร้าย ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวว่า ตนฝันไม่ดีเกี่ยวกับผู้ที่เกี่ยวข้อง อาจไม่ปลอดภัยได้ จึงเตือนให้รีบเข้ามาพบ เพื่ออยู่ในความดูแลของตำรวจ 

ส่วนเดิมที่ ผบ.ตร. ระบุว่า จะออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรมอำพรางภายในสัปดาห์นี้ นั้น พนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมรอบคอบ เนื่องจากเปนคดีสำคัญ ส่วนกรณีที่ครอบครัวของ นายชูวงษ์ ยื่นหนังสือท้วงติงผลการชันสูตรศพให้ระบุให้ชัดเจน เพราะมีข้อบกพร่องนั้น ได้สั่งการให้แพทย์ใหญ่ ร.พ.ตำรวจ ไปดำเนินการตรวจสอบ เพื่อให้มีความชัดเจนและตอบคำถามสังคมได้

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังถามกลับไปยังครอบครัว นายชูวงษ์ ถึงการตั้งประเด็นมาสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ญาติได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลชันสูตรศพที่ไม่ได้รับการเปิดเผย และเหตุใดนิติเวช ร.พ.ตำรวจถึงตรวจไม่พบ เพราะที่ผ่านมา ก็ให้ความเชื่อมั่นกับกระบวนการตรวจพิสูจน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด