ป.แย้มหมายจับคดีชูวงษ์มีกว่า2คน-ประวุฒิชี้โอนหุ้นปมดับ

ป.แย้มหมายจับคดีชูวงษ์มีกว่า2คน-ประวุฒิชี้โอนหุ้นปมดับ

ป.แย้มหมายจับคดีชูวงษ์มีกว่า2คน-ประวุฒิชี้โอนหุ้นปมดับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้การฯ กองปราบ แย้ม อาจออกหมายจับคนเอี่ยโอนหุ้น ชูวงษ์ มากกว่า 2 คน กำชับ จนท.รวมพยานหลักฐานให้เพียงพอ ขณะที่ โฆษกตร. เผย โอนหุ้นผิดเจตนารมณ์ปมดับชูวงษ์

พล.ต.ต.อัครเดช พิมลศรี ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบประเด็นการโอนหุ้นของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่เสียชีวิต ว่า พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดี อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังการประชุมร่วมกับตำรวจนครบาล และการตรวจสอบพบพิรุธ กรณีการแก้ไขข้อความจากการจำนำหุ้นเป็นการโอนหุ้น ซึ่งเอกสารมีการแก้ไขเฉพาะหัวเรื่อง แต่ลายเซ็นเป็นของ นายชูวงษ์ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐาน หากผลตรวจออกมาชัดเจน ก็สามารถจะออกหมายจับได้ซึ่งมีมากกว่า 2 คน

ส่วนที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะข่มขู่พนักงานสอบสวนในกรณีออกหมายจับ ว่า ระวังถูกฟ้องกลับ หากรวบรวมพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่ง ผู้บังคับการปราบปราม ระบุว่า ตัวเองไม่เคยได้ยินคำขู่ดังกล่าว ทั้งนี้ ได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้รวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอก่อดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้อง


โฆษกตร.เผยโอนหุ้นผิดเจตนารมณ์ปมดับชูวงษ์

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจหมื่นล้าน ที่มีเงื่อนงำ โดยเฉพาะประเด็นการโอนหุ้น 300 ล้านบาท ให้กับพริตตี้สาวและโบรกเกอร์ ล่าสุด ถือว่าแกะรอยได้มากแล้ว โดยเฉพาะหลักฐานการโอนหุ้นที่พบพิรุธ โดยเฉพาะเอกสารสำคัญ ที่บริษัทโบรกเกอร์ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ซึ่งถือว่าผิดไปจากวัตถุประสงค์ของ นายชูวงษ์ ในการโอนหุ้น แต่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง และจุดนี้เอง อาจจะนำไปสู่การเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ ก็เป็นได้ เพราะหากเจ้าของหุ้นรับรู้ว่าถูกเปลี่ยนเจตนารมณ์ก็อาจจะถูก นายชูวงษ์ ไล่เบี้ยกันได้ เพียงแต่ต้องขยายผลในการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมก่อน จึงจะสรุปประเด็นการโอนหุ้นได้



นอกจากนี้ โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า การรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับผู้กระทำในเรื่องการโอนหุ้นโดยมิชอบนั้นต้องให้เวลากับพนักงานสอบสวนส่วนกองปราบก่อน เพื่อให้แน่นหนาและชัดเจน ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม จะยังไม่มีการประชุมร่วมระหว่างกองปราบปรามกับนครบาลอีก เพราะต้องให้ไปทำงานในแต่ละส่วนที่รับผิดชอบก่อน




แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook