กรมชลฯรายงานน้ำในเขื่อนหลักมีเพิ่มขึ้น
ส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานน้ำไหลเข้าเขื่อนหลักมากขึ้น แต่ยังปล่อยน้ำ 18.36 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด (4 ส.ค. 58) เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 4,057 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ 257 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลลงอ่างฯ (3 ส.ค.) 19.08 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 3,251 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ 401 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลลงอ่างฯ (3 ส.ค.) 26.24 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำวันละ 11.08 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยฯ จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 143 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลลงอ่างฯ (3 ส.ค.) 2.05 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำวันละ 1.21 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 39 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้ 36 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลลงอ่างฯ (3 ส.ค.) 2.33 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำวันละ 1.07 ล้านลูกบาศก์เมตร การใช้น้ำจาก 4 เขื่อนหลัก ปัจจุบันยังคงการระบายน้ำรวมกันวันละ 18.36 ล้านลูกบาศก์เมตร
อนึ่ง ในกรณีของการเพาะปลูกพืช โดยเฉพาะข้าวนาปีในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้น กรมชลประทาน ขอย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่ได้ห้ามเกษตรกรทำการเพาะปลูก เพียงแต่ขอให้รอฝนที่ตกต้องตามฤดูกาลก่อนในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ฝนอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา มีฝนตกลงมาค่อนข้างสม่ำเสมอ เกษตรกรจึงสามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจทำการเพาะปลูกได้ด้วยตนเอง