กมธ.คงเจตนารมณ์ เดิม-สปช.จ่อถกประชามติ13ส.ค.

กมธ.คงเจตนารมณ์ เดิม-สปช.จ่อถกประชามติ13ส.ค.

กมธ.คงเจตนารมณ์ เดิม-สปช.จ่อถกประชามติ13ส.ค.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

'นรีวรรณ จินตกานนท์' ย้ำ กมธ.ยกร่าง ยังคงเจตนารมณ์เดิม สัปดาห์หน้าจะเร่งเขียนบทเฉพาะกาลให้เสร็จ ด้าน 'ไพบูลย์' ยังไม่มีการหารือ กรรมาธิการการเมืองรับหรือไม่รับร่าง ขณะที่ สปช.จ่อถกประชามติ13สค.-ห่วงที่มานายกฯ

นางนรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 4 เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การพิจารณาปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงเจตนารมณ์เดิม มีเพียงปรับถ้อยคำที่กรรมาธิการบางคนสงสัยเท่านั้น ส่วนบทเฉพาะกาล 12 มาตรา ตั้งมาตรา 304-315 จะเข้าสู่การพิจารณาต่อในสัปดาห์หน้า

ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการยกร่างฯ ระบุว่า การพิจารณายังมีเวลา โดยไม่ต้องเร่งรีบ เพื่อความละเอียดรอบคอบ ซึ่งตนเองเป็นหนึ่งในฐานะคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ยังไม่มีการหารือหรือแสดงความเห็นเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะต้องรอร่างฉบับสมบูรณ์ก่อน

ขณะเดียวกัน นายไพบูลย์ ยังเปิดเผยอีกว่า กรรมาธิการยกร่างฯ ได้พิจารณาเรื่องที่แขวนไว้ มาตรา 50 ว่าด้วยการจัดสรรคลื่นความถี่ และการกำหนดให้มีองค์การของรัฐที่เป็นอิสระในการทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ โดยข้อสรุปเบื้องต้น เจ้าของกิจการต้องเป็นสัญชาติไทย สำหรับสัดส่วนถือหุ้นกับชาวต่างชาติต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด


"นรีวรรณ" เผย กมธ.ยกร่างฯ ทบทวน ม.50 ใหม่

รศ.ดร.นรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึง
กมธ.ยกร่างฯ ได้มีพิจารณาทบทวนเนื้อหาในมาตราที่ได้แขวนไว้ อาทิ มาตรา 50 การเป็นเจ้าของการประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ใช้คลื่นความถี่ ที่จะเปิดเสรีให้ต่างชาติ สามารถเข้ามาถือหุ้นกิจการโทรคมนาคม ได้ไม่เกินร้อยละ 70 ตามสาระสำคัญของข้อผูกพันเปิดตลาดการค้า โดยยืนยันว่าผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการตามมาตรานี้ต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย เว้นกรณีที่มีพันธะการผูกพันธ์กับต่างประเทศ ในกรณีนี้สามารถกระทำได้ ซึ่งได้มีการพิจารณาเสร็จครบถ้วนหมดแล้ว

ส่วนประเด็นที่มา ส.ว. นั้นยังคงเดิม โดยบัญญัติให้มี ส.ว. จำนวนไม่เกิน 200 คน แบ่งเป็นระบบเลือกตั้ง 77 คน และมาจากการสรรหา จำนวน 123 คน โดย ส.ว. เลือกตั้ง จะมาจากการเลือกตั้ง จังหวัดละ 1 คน จะไม่มีคณะกรรมการกลั่นกรองทำหน้าที่คัดกรองบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมในแต่ละจังหวัด จำนวน 10 คน เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ออกเสียงลงคะแนน เหมือนกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ได้กำหนดไว้ 

อย่างไรก็ตามเห็นว่าการที่สปช. ทุกคนจะพอใจหรือถูกใจหรือไม่นั้น ไม่สามารถบังคับได้ ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจแต่ละบุคคล ย้ำกมธ.พิจารณาอย่างรอบคอบโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ทั้งนี้ในการประชุม กมธ.ยกร่างฯ สัปดาห์หน้าจะเป็นการเร่งเข้าสู่การเขียนบทเฉพาะกาลให้เสร็จสิ้น


"นรีวรรณ" เผย กมธ.ยกร่างฯ ทบทวน ม.50 ใหม่

รศ.ดร.นรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึง
กมธ.ยกร่างฯ ได้มีพิจารณาทบทวนเนื้อหาในมาตราที่ได้แขวนไว้ อาทิ มาตรา 50 การเป็นเจ้าของการประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ใช้คลื่นความถี่ ที่จะเปิดเสรีให้ต่างชาติ สามารถเข้ามาถือหุ้นกิจการโทรคมนาคม ได้ไม่เกินร้อยละ 70 ตามสาระสำคัญของข้อผูกพันเปิดตลาดการค้า โดยยืนยันว่าผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการตามมาตรานี้ต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย เว้นกรณีที่มีพันธะการผูกพันธ์กับต่างประเทศ ในกรณีนี้สามารถกระทำได้ ซึ่งได้มีการพิจารณาเสร็จครบถ้วนหมดแล้ว

ส่วนประเด็นที่มา ส.ว. นั้นยังคงเดิม โดยบัญญัติให้มี ส.ว. จำนวนไม่เกิน 200 คน แบ่งเป็นระบบเลือกตั้ง 77 คน และมาจากการสรรหา จำนวน 123 คน โดย ส.ว. เลือกตั้ง จะมาจากการเลือกตั้ง จังหวัดละ 1 คน จะไม่มีคณะกรรมการกลั่นกรองทำหน้าที่คัดกรองบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมในแต่ละจังหวัด จำนวน 10 คน เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ออกเสียงลงคะแนน เหมือนกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ได้กำหนดไว้ 

อย่างไรก็ตามเห็นว่าการที่สปช. ทุกคนจะพอใจหรือถูกใจหรือไม่นั้น ไม่สามารถบังคับได้ ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจแต่ละบุคคล ย้ำกมธ.พิจารณาอย่างรอบคอบโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ทั้งนี้ในการประชุม กมธ.ยกร่างฯ สัปดาห์หน้าจะเป็นการเร่งเข้าสู่การเขียนบทเฉพาะกาลให้เสร็จสิ้น


สปช.จ่อถกประชามติ13สค.-ห่วงที่มานายกฯ

นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) กล่าวถึงการทำงานของ สปช. หลังจากที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีมติขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน ว่า ในวันที่ 10 ส.ค. พิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศและรายงานวาระปฏิรูปจะแล้วเสร็จ ส่วนภารกิจให้ความเห็นชอบ ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญนั้น ยังไม่กำหนดวัน คาดว่าอาจจะเป็นวันที่ 5 วันที่ 6 หรือวันที่ 7 ก.ย. ทั้งนี้ หลังจากวันที่ 13 ส.ค. จะประชุมเพื่อพิจารณาประเด็นคำถาม ประกอบการจัดทำประชามติ และในวันที่ 22 ส.ค. สปช.จะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้าย ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวหลังจาก สปช. รับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว จะไม่มีการประชุม เนื่องจากต้องการให้สมาชิกได้เตรียมศึกษาร่างรัฐธรรมนูญก่อนลงมติ ยืนยันว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นตามภารกิจอย่างแน่นอน

นายองกรณ์ พลบุตร โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) กล่าวถึงการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ส่วนตัวเองมองคณะกรรมาธิการยกร่างฯ มีความพยายามในการแก้ไขเนื้อความตามคำข้อแก้ไขของ สปช. และคณะรัฐมนตรี แต่ยังมีบางประเด็นที่สมาชิก สปช. มีความกังวลและพูดคุยกัน โดยเฉพาะที่มานายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ยังมีเวลาพิจารณาแก้ไขได้อีกอย่างน้อย 30 วัน ดังนั้น จึงเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า สปช. จะมีมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจนกว่าจะมีการส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญต่อ สปช. อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งสมาชิกจะมีเวลาอีก 15 วัน ในการศึกษารายละเอียดก่อนจะมีการลงมติในวันนที่ 5-7 ก.ย. 58

พร้อมกันนี้ นายอลงกรณ์ ยังเปิดเผยว่า อาจมีสมาชิกบางรายเสนอต่อประธาน สปช. พิจารณานัดประชุม สปช.อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อเปิดโอกาสให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ชี้แจงเหตุผลการแก้ไขหรือไม่แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook