พ่ออดีตพลทหารร้องเรียน ลูกชายหายปริศนา 2 ปี หลังอำเภอรับตัวเข้าค่าย

พ่ออดีตพลทหารร้องเรียน ลูกชายหายปริศนา 2 ปี หลังอำเภอรับตัวเข้าค่าย

พ่ออดีตพลทหารร้องเรียน ลูกชายหายปริศนา 2 ปี หลังอำเภอรับตัวเข้าค่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สุดรันทดพ่ออดีตพลทหาร เปิดใจ ลูกชายหายตัวปริศนา กว่า 2 ปี ไร้ชะตากรรม หลังอำเภอรับตัวเข้าค่ายเยาวชนกลุ่มเสี่ยงก่อนคลุ้มคลั่งวิ่งหนี ทำให้ขาดเสาหลักอาศัยรับจ้าง ขับ จยย.ตระเวนขายผักเลี้ยงครอบครัว แบกภาระหนี้สิน โวยอำเภอปัดรับผิดชอบ เชื่อมีเงื่อนงำ พบพิรุธหลักฐานเข้าตรวจรักษา ด้านปลัดแจงพร้อมหาทางเยียวยา

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2558 ความคืบหน้าล่าสุด กรณี นายประเสริฐศักดิ์ อายุ 44 ปี พร้อมภรรยา นางนวน อายุ 48 ปี ชาวจ.นครพนม นำเอกสารหลักฐาน ออกมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องให้มาดูแลช่วยเหลือ

หลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหา นายสมควร อายุ 29 ปี บุตรชาย ที่เคยเป็นอดีตพลทหาร หายตัวไปปริศนานานกว่า 2 ปี สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2556 ทางฝ่ายปกครองอำเภอศรีสงคราม ได้มาขอร้องให้บุตรชายไปเข้ารับการอบรมตามโครงการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด รุ่นที่ 1/2556 ระหว่างวันที่ 3-11 เมษายน 2556 ณ โรงเรียนบ้านข่าพิทยาคม ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เพื่อแก้ไขปัญหาลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติติดยาเสพติด เพียงชอบดื่มสุรา โดยอ้างว่าขอความร่วมมือเนื่องจากจำนวนผู้เข้าอบรมไม่ครบ ทางพ่อแม่จึงคิดว่าเป็นเรื่องดีจะได้เข้าไปฝึกระเบียบวินัย

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2558 ได้รับแจ้งจากทางอำเภอว่า ลูกชายป่วย ถูกนำส่งตัวมาดูแลรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอศรีสงคราม แต่ระบุว่าเกิดอาการคลุ้มคลั่ง และหลบหนีเจ้าหน้าที่ไป จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.ศรีสงคราม เพื่อประกาศตามหาคนหาย รวมถึงประสานฝ่ายปกครอง ช่วยติดตามหา แต่กับไม่ได้รับความสนใจ และไม่มีหน่วยงานออกมาติดตามหาตัวลูกชาย จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 2 ปี ยังไม่รู้ชะตากรรม

เคยไปร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับ ทางอำเภอ ตำรวจ เพื่อเร่งรัดสอบสวนหาสาเหตุโยละเอียดและติดตามหาตัวลูกชายกลับไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยพ่อแม่ผู้สูญหาย มีความเชื่อมั่นว่าการหายตัวไปของลูกชายมีเงื่อนงำ ต้องการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบ

พ่อของอดีตพลทหาร ที่สูญหาย กล่าวว่า ตลอดเวลากว่า 2 ปี ที่ผ่านมาตนและครอบครัว ญาติพี่น้องยังรอความหวังว่าลูกชายจะมีชีวิตรอดกลับมา ไปร้องทุกข์หน่วยงานแล้ว กับไม่เป็นผล มาถึงวันนี้ยังไม่สิ้นหวัง จะรอจนกว่าจะหมดลมหายใจ แต่สิ่งที่ตามมาคือ สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว เนื่องจากมีลูกแค่ 2 คน คนโตคือลูกชายที่หายไป ส่วนอีกคนเป็นเด็กหญิงอายุ 10 ขวบ แถมป่วยโรคหัวใจ เพราะเดิมลูกชายจะช่วยทำงานรับจ้าง ช่วยเหลือทำไร่ทำสวน ยืนยันว่าไม่เคยป่วยทางประสาท หรือติดยาเสพติด เพราะไปเป็นทหารเกณฑ์ ถึง 2 ปี ไม่เคยมีประวัติ พึ่งปลดมาได้ประมาณ 1 ปี แต่มีดื่มเหล้าตามประสาวัยรุ่น สามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก แต่ที่ไปเข้าค่ายอบรม เพราะฝ่ายปกครองมาขอความร่วมมือ คิดว่าจะเป็นเรื่องดีจึงให้ไป

โดยฝ่ายปกครองมารับตัวไปเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2556 จนถึงค่ำวันที่ 5 เมษายน 2556 หลังลูกชายไปอบรมได้ 1 วัน ทางปกครองแจ้งว่าลูกชายป่วย นำตัวส่งโรงพยาบาลอำเภอศรีสงครามให้ไปดูอาการ แต่ไม่ทันเห็นลูกชายไปถึงทางเจ้าหน้าที่ ระบุว่าลูกชายคุ้มคลั่ง มีอาการหวาดผวาจะมีบุคคลทำร้ายและวิ่งหลบหนีออกไปจากโรงพยาบาล จึงพาได้ติดตามกับไม่พบและช่วยกันประกาศติดตามหามาตลอดแต่ไม่รู้ชะตากรรม

ซึ่งจุดนี้ตนยังมีความสงสัยว่าการหายตัวของลูกชายมีเงื่อนงำ เพราะที่ผ่านมาไปขอข้อเท็จจริง เพื่อความกระจ่างในการนำลูกชายมารักษากลับไม่มีการชี้แจงที่ชัดเจน และถูกต่อว่าทั้งที่ลูกชายตนหายทั้งคน ซึ่งยังติดใจว่าหากลูกชายคลุ้มคลั่งจากเมาเหล้า หรือเครียด พอดีขึ้นต้องหาทางกลับบ้าน เนื่องจากไม่มีเพื่อนต่างจังหวัดหรือไม่เคยไปไหนเลย เงินติดตัวยังไม่มี หรือหากตายเป็นศพน่าจะพบ จึงอยากให้ทางอำเภอ ฝ่ายปกครอง มาดูแลแก้ไข หาทางช่วยเหลือ รับผิดชอบเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ได้หวังเรื่องเงินทอง ชีวิตคนได้เท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม แต่อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมาดูแลช่วยเหลือบ้าง ต้องเป็นภาระหนี้สินค่าใช้จ่ายติดตาม เดินทางขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานกว่า 2 ปี

ยอมรับครอบครัวได้รับผลกระทบทางจิตใจ รวมถึงความเป็นอยู่มาก ฝากไปถึงลุกชายหากยังมีชิวิตอยู่ หรือผู้พบเห็นให้ติดต่อประสานงานกับมาได้ที่ โทร 087-230-3200 

ด้าน นายจิตติ จตุธรรม ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ออกมาชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเอกสารหลักฐาน ยืนยันว่าว่า วันเกิดเหตุผู้สูญหาย มีอาการเครียดคลุ้มคลั่ง ทำให้นำตัวส่งมารักษาที่โรงพยาบาลอำเภอศรีสงคราม จนกระทั่งมีการหลบหนีไป จึงแจ้งทางญาติ ประสานตำรวจ ฝ่ายปกครอง ร่วมกันติดตามหา แต่ไร้วี่แวว จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งทางอำเภอยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง สอบสวนผู้เกี่ยวข้องหาสาเหตุมาตลอด

อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอจะได้หาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาต่อไป พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหากยังไม่พบเห็น และมีการประสานกับทางตำรวจสืบสวนหาตัวอย่างต่อเนื่อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook