มาเลย์ไม่ชัดบินหายโยงก่อการร้ายพบสวมพาสปอร์ตอีก1

มาเลย์ไม่ชัดบินหายโยงก่อการร้ายพบสวมพาสปอร์ตอีก1

มาเลย์ไม่ชัดบินหายโยงก่อการร้ายพบสวมพาสปอร์ตอีก1
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มาเลยเซีย แถลง ยังไม่ชัดเจน เครื่องบินเที่ยวบิน MH370 หายลึกลับ เกี่ยวโยงก่อการร้ายหรือไม่ รอสอบคราบน้ำมันก่อน ขณะพบสวมพาสปอร์ตเพิ่มอีก 1 ราย

มาเลเซีย แถลงความคืบหน้าการค้นหาเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุม ขณะบินอยู่เหนือน่านฟ้าของเวียดนาม ว่า ยังไม่ทราบสาเหตุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสูญหายไปจากจอเรดาร์อย่างลึกลับ ว่าเกิดจากสาเหตุใด ส่วนกรณีที่นานาประเทศ มุ่งประเด็นว่า อาจเกี่ยวโยงกับกลุ่มก่อการร้ายนั้น ขณะนี้ มาเลเซีย ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งคณะทำงานอยู่ในระหว่างการประสานกับซีไอเอ ของสหรัฐอเมริกา เพื่อเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงเกิดจากกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่

สำหรับกรณีที่ได้รับรายงานจากเวียดนาม ว่า พบคราบน้ำมันในมหาสมุทรทางตอนใต้ของเวียดนามนั้น มาเลเซียได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศ ร่วมระดมค้นหาและเร่งตรวจสอบบริเวณดังกล่าว ว่าจะเป็นจุดที่เครื่องบินตกลำดังกล่าวตกหรือไม่

นอกจากนี้ ยังได้แถลงถึงการพบผู้โดยสารเพิ่มอีก 1 ราย ที่ได้ใช้พาสปอร์ตปลอมในการจองตั๋วเที่ยวบินดังกล่าว แต่หายตัวไปอย่างลึกลับนั้น ขณะนี้ มาเลเซียได้มอบหมายให้คณะทำงานดำเนินการสอบสวนอยู่ พร้อมกับจะเร่งสืบสวนพาสปอร์ตปลอมของผู้โดยสารที่เหลือเพิ่มเติม ซึ่งจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้

 

'สุรพงษ์'ยันสวมพาสปอร์ตบินมาเลย์ไม่กระทบไทย

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ เครื่องบินโบอิ้ง ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 สูญหายไป พร้อมผู้โดยสาร และลูกเรือ 239 คน

ส่วนกรณีพาสปอร์ตของนักท่องเที่ยวถูกขโมยในประเทศไทยนั้น เชื่อว่า ไม่กระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศไทย เพราะปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก และบางครั้งมีการวางกระเป๋าสัมภาระไว้โดยไม่ได้ระมัดระวัง จึงมีความเป็นไปได้ที่ขบวนการเหล่านี้จะอาศัยช่วงจังหวะและโอกาสในการขโมยพาสปอร์ต

สำหรับการพิจารณาต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 22 มีนาคมนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปว่ามีความเห็นอย่างไร แต่ส่วนตัวคิดเห็นว่า ควรจะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก เนื่องสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่สงบ และมีเหตุรุนแรงต่อเนื่อง

 

ทัพเรือภาคที่2พร้อมช่วยค้นหาเครื่องบินสูญหาย

พล.ร.ท.ชุมพล วงศ์เวคิน ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 สงขลา เปิดเผยว่า ทางศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 2 ได้เตรียมเรือหลวงตาปี เรือหลวงสงขลา และเรือหลวงสัตหีบ รวมถึงเครื่องบินลาดตระเวนดอร์เนีย อีก 1 ลำ และกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมออกปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง หากได้รับคำสั่งจากกองทัพเรือ โดยขณะนี้ เรือหลวงทั้ง 3 ลำ จอดรออยู่ที่ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 แล้ว รวมทั้งเครื่องบินดอร์เนีย ก็เตรียมพร้อมอยู่ที่สนามบินศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 2 พร้อมขึ้นบินทันที

 

โฆษก สตช. เผย ผบ.ตร. ให้สอบพาสปอร์ตหาย โยงบินมาเลย์หาย

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจสันติบาล กองการต่างประเทศ เร่งตรวจสอบกรณีที่มีการสวมหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต ของผู้โดยสาร 2 ราย บนสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ผู้ที่โดนสวมพาสปอร์ตทั้ง 2 ราย เป็นชาวอิตาเลียน และออสเตรีย ซึ่งเคยมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และแจ้งพาสปอร์ตหายที่ จ.ภูเก็ต เมื่อปี 2555 และ 2556 โดยยืนยันว่า หลังได้รับแจ้งหาย ได้มีการบันทึกข้อมูลลงฐานระบบองค์การตำรวจสากลชัดเจน ขณะเดียวกัน สั่งการให้ศูนย์อาชญากรรมข้ามชาติ วางระบบข้อมูลพาสปอร์ตที่มีการแจ้งหายกับข้อมูลของตำรวจสากล เพื่อให้เกิดความชัดเจน

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานไปยังผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ยืนยันว่า ยินดีให้การสนับสนุนในเรื่องการค้นหาสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ที่หายไป ทั้งในส่วนของกองบินตำรวจ ตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดยเวลา 15.00 น. วันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวอีกครั้ง

 

ผบ.ทร.สั่งตั้งศูนย์ค้นหาเครื่องบินช่วยมาเลย์ฯ

พล.ร.ต.กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึง กรณี เครื่องบินโบอิ้ง B777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 ขาดการติดต่อขณะบินเหนือน่านฟ้าเวียดนาม เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ประเทศไทยได้ช่วยค้นหาและกู้ภัยพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันบริเวณนอกชายฝั่ง จ.สตูล ตามที่ประเทศมาเลเซียร้องขอ เนื่องจากคาดว่าเครื่องบินดังกล่าวอาจเปลี่ยนทิศทางการบินกลับมาทางช่องแคบมะละกา และเสียการควบคุมซึ่งจากการส่งเรือหลวงปัตตานี ออกเดินทางจากฐานทัพเรือพังงา อ.ท้ายเหมือง ตั้งแต่วานนี้เวลา 19.00 น.เข้าพื้นที่ลาดตระเวน และเริ่มค้นหาแล้วตั้งแต่ 06.00 น.วันนี้ ขณะนี้ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ

ทั้งนี้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัยระดับพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 โดยมีการจัดกำลังประกอบด้วย เรือหลวงปัตตานี มีกำลังพลประจำเรือจำนวน 84 นาย เฮลิคอปเตอร์จำนวน 1 เครื่อง กำลังพลจำนวน 12 นาย ชุดปฏิบัติการพิเศษของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ และชุดประดาน้ำ กำลังพลจำนวน 9 นาย เจ้าหน้าที่ชุดแพทย์พยาบาลจำนวน 3 นาย เครื่องบินลาดตระเวนแบบดอร์เนียร์ จำนวน 1 เครื่อง

นอกจากนี้ กองทัพเรือ ยังได้จัดเครื่องบินลาดตระเวนแบบดอร์เนียร์ จำนวน 1 เครื่อง จากทัพเรือภาคที่ 2 จังหวัดสงขลา ขึ้นบินลาดตระเวนบริเวณฝังอ่าวไทย ตั้งแต่ 10 มี.ค.นี้ เป็นต้นไปด้วย

 

ผบ.ตร.สั่งช่วยมาเลย์ฯเชื่อพาสปอร์ตไม่เกี่ยวก่อการร้าย

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อกำหนดแนวทางช่วยเหลือกรณีเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ สูญหายพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ได้มีการเตรียมตำรวจน้ำ และทีมพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล พร้อมสำหรับในการเข้าให้ความช่วยเหลือมาเลเซียแล้ว ส่วนกรณีมีผู้โดยสารบนเที่ยวบินดังกล่าว 2 คน ใช้พาสปอร์ตที่นักท่องเที่ยวชาวอิตาลี และออสเตรีย แจ้งหายไว้ในการเดินทางนั้น ยอมรับว่ามีการแจ้งพาสปอร์ต 2 เล่มหายในประเทศไทยจริง แต่ยังไม่ยืนยันว่า มีการนำพาสปอร์ตไปปลอมแปลงหรือไม่ ซึ่งจะได้ประสานกับประเทศมาเลเซีย เพื่อพิสูจน์ทราบต่อไป

ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนกรณีพาสปอร์ตสูญหาย นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเชื่อว่าพาสปอร์ตของนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกขโมยในประเทศไทย ไม่น่าจะเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย เพราะประเทศไทยไม่ใช่ฐานในการก่อการร้าย อาจเป็นลักษณะการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่ 3

 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook