ปลื้มได้เป็นศิลปินแห่งชาติ สรพงษ์ ลั่นต้องซื้อสัตย์

ปลื้มได้เป็นศิลปินแห่งชาติ สรพงษ์ ลั่นต้องซื้อสัตย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) พร้อมทั้งวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัด วธ. และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ศ.พิเศษดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง ร่วมกันแถลงข่าวผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ปี 2551 ผลปรากฏว่านักแสดงรุ่นใหญ่ เอก สรพงษ์ ชาตรี หรือ กรีพงศ์ เทียมเศวต ได้รับการคัดเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง

ทั้งนี้ เอก สรพงษ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักแสดงภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์) กล่าวว่า รู้สึกยินดี และเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล ที่ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ซึ่งได้ทำอาชีพนักแสดงมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเกือบจะ 50 ปีแล้ว ไม่เคยมีอาชีพอื่น เพราะอาชีพนี้เข้ามาด้วยความรัก และอาชีพนี้ได้ตอบแทนเขา จึงได้นำสิ่งที่ได้รับจากอาชีพนักแสดงมาตอบแทนสังคม โดยไม่ได้นำชื่อสรพงษ์ไปทำชั่วไปเบียดเบียนสังคม สิ่งที่ได้รับในครั้งนี้ ถือว่าได้รับจากความซื่อสัตย์สุจริต ถือเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวของตนเอง

ผมเป็นเด็กท้องทุ่ง พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย ไม่เคยมีใครเป็นดารา ไม่เคยได้เรียน มหาวิทยาลัยที่สอนการเป็นดารา ดังนั้น สิ่งที่ได้มาต้องอาศัยความซื่อสัตย์ และอยากฝากถึงน้องนักแสดงรุ่นใหม่หรือคนรุ่นใหม่ว่า ต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ทำความดีทั้งต่อหน้า และลับหลัง ไม่หวังผลตอบแทน ดังพระราชดำรัสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผมได้รับยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติแล้ว พร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง สรพงษ์กล่าว

นอกจากนี้ นักแสดงมากฝีมือยังได้กล่าวด้วย ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่อายุ 17-18 ปี เข้าวงการมาด้วยความที่รักการแสดง ซึ่งวงการนี้ได้ให้คุณประโยชน์สอนอะไรหลายๆ อย่าง จนอยู่ในสายเลือด และโชคดีที่มีหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นผู้ดูแลหยิบยืนโอกาสให้

ที่ผ่านมา ผมต้องเจอเรื่องที่ล้มลุกคลุกคลานเยอะ บ้างครั้งมีงานบ้างไม่มีงานบ้าง ตกงานบ้าง เจอมาเยอะหลายรูปแบบ แต่มันก็เป็นธรรมดาของวงการนี้ เพราะเป็นอาชีพที่เรียกได้ว่าไม่มั่นคงก็ว่าได้ แต่ทำไปเพราะใจรักจริงๆ อย่างเมื่อไรมีงานน้อยก็ใช้แต่น้อย พอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวไปได้ ถ้าถามว่าท้อไหมตอบได้เลยว่าไม่ท้อ ถ้าเกิดเจอปัญหาต่างๆ ก็จะให้เวลาเป็นตัวตัดสิน ว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ถ้าเราไม่ดีจริง แล้วเราไปหลอกคนอื่นๆ ว่าเราดี อีกหน่อยคนเขาก็รู้กันเองว่าอะไรเป็นอะไร ของแท้มันไม่ลอกหรอก ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างจะดีกว่า

สำหรับสิ่งที่ได้จากวงการนี้ สรพงษ์บอกว่า นอกจากที่จะได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้ว อย่างน้อยๆ ทำให้มีบ้านอยู่ สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ อาจจะไม่ได้รวยล้นฟ้าเหมือนกับนักธุรกิจพันล้าน แต่มันก็เป็นงานที่ถนัดก็ทุ่มเทกับมันเต็มที

นักแสดงหน้าใหม่ ถ้าเกิดว่าคุณไม่มีใจรักงานแสดงคนที่เขาดูจะรู้เลยว่าคุณตั้งใจทำงานนั้นกี่เปอร์เซ็นต์ การแสดงออกที่คุณถ่ายทอดออกมาคนที่เขาดูอยู่จะตัดสินได้ ว่าคุณเต็มที่กับมันหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะทำเพื่อสร้างเชื่อเสียงให้แก่ตัวเองอย่างเดียว คุณต้องเคารพและรักในอาชีพที่คุณทำอยู่ด้วย เพราะผลงานทุกๆ ชิ้นที่ทำออกมาจะเป็นตัวตัดสินว่าคุณมีความจริงใจแค่ไหน เอกแนะนักแสดงรุ่นหลังทิ้งท้าย

รายการคม-ชัด-ลึกตอน-เมื่อโลกได้ โอบามา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ

Change หรือ เปลี่ยน คือ สโลแกนสั้นๆ เพียงคำเดียวของ บารัก โอบามา ซึ่งส่งให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ท่ามกลางความคาดหวังของทั้งคนอเมริกา และคนทั้งโลกว่า โอบามาจะก้าวเข้ามาเปลี่ยนสหรัฐ และโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook