ผู้ว่าฯของคนกทม.
ล็อกล้อ
เมื่อผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เข้ารับตำแหน่ง ยังนึกสงสัยอยู่ว่า ที่ประกาศเดินหน้าผลักดันนโยบายที่สอดคล้องกับรัฐบาล
แล้วภารกิจแรกของผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์นั้น จะหยิบจับนโยบาย หรืองานไหนขึ้นมาทำ
แต่ก็ไม่ต้องรอให้สงสัยกันนาน เพราะเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯกทม.ก็เพิ่งออกมาประกาศว่า ได้เตรียมภารกิจที่จะทำเป็นอย่างแรกแล้ว
นั่นคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับนโยบายรัฐบาล โดยจะใช้งบประมาณคงคลังที่ กทม.มีอยู่ 2 หมื่นล้านบาท แจกจ่ายเงินให้ถึงมือประชาชนโดยตรง
โดยในเบื้องต้นกทม.จะอัดฉีดเพียง 3-4 พันล้านบาทก่อน
เรื่องการอัดฉีดเงินเข้าระบบให้ถึงมือประชาชนโดยตรงนี้ เป็นไปตามทฤษฎี เฮลิคอปเตอร์ มันนี่ ของนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล โดยทฤษฎีการให้เงินฟรีๆ กับประชาชน ก็เพื่อให้ไปใช้จ่าย ซึ่งจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้หมุนต่อไป
เมื่อรัฐบาลออกนโยบายนี้มา ก็มีเสียงเตือนและคัดค้านออกมาเป็นระยะ ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพการจัดงบฯ และการแจกเพื่อซื้อความนิยมทางการเมือง
แม้ 3-4 พันล้านบาทจะเป็นเงินเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรัฐบาลที่อัดฉีดเงินเข้าระบบ 2 แสนล้าน ด้วยการให้เปล่าแก่ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 14,999 บาท รายละ 2 พันบาท แต่ถ้าใช้ถึง 2 หมื่นล้าน ก็เท่ากับ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่จะนำไปช่วยหนุนนโยบายของรัฐบาล
ที่น่าสนใจคือเงื่อนไขในการแจกเงินของกทม.นั้น จะใช้กติกาหรือกฎเกณฑ์อย่างไร
และหลังจากนำเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว จะเหลืองบประมาณในการพัฒนาและแก้สารพัดปัญหาในกรุงเทพฯ มากน้อยแค่ไหน
แม้กทม.จะไม่ใช่กระทรวงหนึ่งกระทรวงใดในรัฐบาล แต่ก็มีภาระหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุขประชาชนเหมือนรัฐบาล การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
แต่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ต้องไม่ลืมว่าตัวเองเป็นผู้ว่าฯของคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่ ผู้ว่าฯของพรรคประชาธิปัตย์ หรือรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล