รอบกรุง

รอบกรุง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มหาธานี

รอบกรุงวันนี้... ผ่านไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. อย่างเป็นทางการของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา งานนี้ประเดิมงานชิ้นสำคัญด้วยการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของ กทม.ทันที... คงต้องให้เวลาผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ได้ใช้เวลาศึกษางานใน กทม.ที่มีอยู่มากมายเสียหน่อย... ช่วงนี้จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะถามอะไรแล้ว ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์จะตอบแบบอ้อมแอ้มหรือตอบได้แบบไม่ครอบคลุมประเด็นบ้าง... ส่วนที่ว่าจะเข้ามาลุยงานทันที ก็อาจจะเริ่มต้นได้หลังจากเรียนงานจนเข้าใจแล้ว แต่สำหรับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์คงพร้อมผลักดันทันที... ก็อยากรู้เหมือนกันว่างานชิ้นแรกของผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ จะประเดิมด้วยเรื่องอะไร... แต่ที่แน่ๆ ในช่วงเวลาอันใกล้คงต้องเข้ามาดูแลปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงเทศกาลตรุษจีนอย่างปัญหาเพลิงไหม้ เพราะทุกครั้งที่มาถึงเทศกาลไหว้เจ้าและไหว้บรรพบุรุษทีไร จะต้องมีสักบ้านที่ลืมดับธูปดับเทียนเสียทุกที... เชื่อว่า นิยม กรรณสูต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) คงจะข่มตาหลับไม่ลงเป็นแน่แท้ แว่วว่าตั้งแต่ผจญกับเหตุเพลิงไหม้ที่ซานติก้า ผับในเขตวัฒนา และอาคารเสือป่า พลาซ่าในเขตป้อมปราบฯ ทำเอาเจ้าตัวออกอาการขวัญผวาไม่หาย... และที่ต้องเข้ามาดูแลอีกปัญหาเช่นเดียวกัน เห็นจะเป็นเรื่องของการดูแลและป้องกันโรคไข้หวัดนกด้วย เพราะแม้ว่าจะยังไม่มีตัวเลขของผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเอช 5 เอ็น 1 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่ามีตัวเลขของผู้เสียชีวิตในจังหวัดอื่น รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศจีนแล้ว... ยิ่งในช่วงตรุษจีนที่จะมีการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกทั้งเป็ดและไก่เข้ามาในเขต กทม.ก็ยิ่งต้องระมัดระวังการแพร่กระจายของเชื้อมากเป็นพิเศษ เอาเป็นว่าดูแลกันเสียตั้งแต่ต้นทางก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้นเป็นดีที่สุด... พูดถึงปัญหาการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยของ กทม.ที่ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนมือมาที่ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ประกอบกับนโยบายการจัด ระเบียบที่ยังไม่ชัดเจนของผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจซบเซาแบบนี้... นอก จากเปิดวังสวนผักกาดให้ชาวบ้านนำสินค้าเข้าไปขายได้แล้ว ผู้ว่าฯ คงต้องเร่งปล่อยนโยบายการจัดระเบียบออกมาให้เคลียร์ด้วย... แต่ที่น่าสนใจ คือตลอดปีงบประมาณ 51 ที่ผ่านมา เชื่อหรือไม่ว่าสำนักเทศกิจ (สนท.) สามารถจับปรับผู้ค้าทั่ว กทม.ได้มากถึง 100 กว่าล้านบาท ขณะที่ยอดผู้ค้าที่กระทำผิดสูงเกือบ 3 แสนราย หากเปรียบเทียบกับปีงบประมาณที่ผ่านมาถือว่ามีเงินค่าปรับเข้า กทม.มากขึ้น ขณะที่ยอดผู้กระทำผิดลดลง... เข้าใจได้ว่าผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นพวกพ่อค้า แม่ค้าหน้าเดิมๆ ที่ถูกจับแล้วพร้อมจะเสียเงินค่าปรับตลอดเวลาเพื่อแลกกับการได้ขายของในจุดเดิมๆ ที่ผิดกฎหมาย จึงทำให้ตัวเลขของเงินค่าปรับเพิ่มขึ้น... นี่ขนาดช่วงที่ผ่านมาเทศกิจของ กทม.โดนโยกไปช่วยงานนอกเสียเยอะ ยังปรับได้มากขนาดนี้ นี่ถ้าเดินเฝ้าพ่อค้าแม่ขายอย่างเดียวจะปรับได้มากขนาดไหน...

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook