สายตรงจากกัวลาลัมเปอร์
อันว่ารัฐตรังกานูอันรุ่มรวยด้วยน้ำมันนั้น พรรคอัมโนขาใหญ่ผู้นำรัฐบาลตลอดกาลสามารถชิงเก้าอี้ ส.ส.ระดับชาติมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว
แต่ชะรอยท่านส.ส.บุญน้อยจึงต้องลาโลกไปก่อนเวลาอันควร อันเป็นเหตุให้มีการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ขึ้น
หลังวิกฤตจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมาเหล่าบิ๊กๆในอัมโนได้เจรจาต้าอ้วยแบ่งสรรอำนาจเป็นการภายในนัยว่า เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างพรรคเพื่อปรับตัวทางการเมือง เป็นเหตุให้รับรู้โดยทั่วกันว่า ขณะนี้ผู้นำพรรคและผู้นำประเทศตัวจริงก็คือ พณฯท่าน นาจิบ เด็กปั้นของผู้เฒ่ามหาเธร์ที่กำลังเตรียมตัวเข้าสวมตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเร็ววัน
การจะสังเกตใครจะขึ้นใครจะลงทางการเมืองมาเลเซียนั้นดูไม่ยาก แค่เสียเวลาสักสามนาทีเปิดหนังสือพิมพ์อย่าง นิวเสตรทไทม์ หรือ เดอะสตาร์ สักเล่ม แล้วดูว่า ท่านผู้มีบารมีผู้ใดมีรูปอยู่แทบทุกหน้า (อาจยกเว้นหน้าอาชญากรรม บ้างก็ได้) เท่านี้ก็ฟันธงได้ไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์ให้มากความ
นับตั้งแต่กลางปีที่แล้วถึงบัดนี้ ใบหน้าของชายวัยกลางคนร่าวท้วมใส่แว่นชื่อว่า นาจิบ ราซัค ก็เริ่มปรากฎเคียง คู่ป๊ะลาห์ (อับดุลลาห์ บาดาวี)แล้วจึงค่อยๆแซงหน้าขึ้นมาเป็นลำดับ จนรำๆแทบจะเบียดผู้เฒ่าตกกรอบหนังสือพิมพ์เข้าทุกวัน
หลังจากทำการยึดพื้นที่บนหน้าหนังสือพิมพ์มาเสียหลายเดือน มาเดือนนี้ท่าน ว่าที่นายกฯก็ได้ทำหน้าที่สำคัญกับเขาเสียที นั่นก็คือการนำทัพลงสนามเลือกตั้งซ่อมที่ตรังกานูอันถือเป็นงานที่สำคัญต่อสถานะทางการเมืองของพรรคอัมโนในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากเสียเก้วนที่น่าต๊กใจในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว อัมโนได้ส่งสัญญานเรื่องปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำสูงสุดในพรรคจากป๊ะลาห์สู่นายนาจิบ นัยว่า เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตศรัทธาของประชาชน
ผลการเลือกตั้งสนามตรังกานูเป็นเครื่องวัดที่สำคัญว่า ถึงตอนนี้พรรคอัมโนสามารถดึงเอาความเชื่อถือของประชาชนกลับคืนมาได้หรือยัง
นอกจากนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ยังเป็นการวัดเสียงสนับสนุนของประชาชนกลุ่มมลายูมุสลิมว่าจะหันเข้าหาข้างไหน ในอดีตอัมโนยึดฐานเสียงประชากรกลุ่มนี้ไว้อย่างมั่นคงด้วยการใช้นโยบายเศรษฐกิจที่สนับสนุนประชากรกลุ่มมาเลย์มุสลิมเป็นพิเศษมาตลอด จนเป็นเหตุให้เกิดความไม่พอในในประชาชนเชื้อชาติอื่นๆนำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของประชาชนในประเทศจนปัจจุบัน
พูดได้ว่า ถ้าฐานเสียงชาวมลายูมุสลิมหลุดมือไปแล้ว อัมโนก็แทบจะล่อนจ้อนทางการเมือง แถมยังจะพาเอาพรรคร่วมรัฐบาลอื่นอื่นสิ้นเนื้อประดาตัวไปด้วย
ที่สำคัญที่สุด ยุทธภูมิตรังกานูเป็นการทดสอบฝีมือของนายนาจิบก่อนจะเข้ารับตำแหน่งผู้นำพรรคและผู้นำประเทศอย่างเป็นทางการ
ส่วนคู่ต่อสู้ของเขานั้นจะเป็นใครที่ไหนนอกจาก นาย อันวาร์ อิบราฮิม อดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเมื่อสมัยยังเอ๊าะๆในพรรคอัมโนด้วยกัน
ดังนั้นยุทธภูมิตรังกานูไม่ได้เป็นการแข่งขันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่เป็นการวัดบารมีของผู้นำฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านรุ่นใหม่ ที่กำลังเตรียมการเปิดศึกชิงตำแหน่งจ้าวยุทธจักรรอบใหม่นับแต่นี้เป็นต้นไป
จึงไม่แปลกว่า ทั้งนาย นาจิบ และอันวาร์ ต่างนำพลเข้าตั้งมั่นอยู่ในพื้นที่ และตระเวนหาเสียงอย่างถึงพริกถึงขิงในช่วงสิบวันของการรณรงค์ชนิดแพ้ไม่ได้
จะว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจนาย นาจิบ เพราะการมีคู่แข่งอย่าง อันวาร์ อิบราฮิมผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองก้าวนำหน้ากว่าหลายขุมแถมยังเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้นออกจะน่าพรั่นพรึงอยู่ไม่น้อย
แต่ในขณะเดียวกัน นายอันวาร์เองยังคงต้องฝ่าอ่านสิบแปดอรหันต์ของพรรคที่ร่ำรวยและมีเครือข่ายใหญ่โตอย่างอัมโนแบบหืดขึ้นคอในการนำพรรคฝ่า้ถึงดวงดาวเช่นกัน
ชัยชนะของฝ่ายค้านครั้งนี้ถือเป็นการตัดไม้ข่มนามนาย นาจิบ ราซัค อย่างสำคัญ พูดง่ายๆว่าทั้งพรรคอำโนและว่าที่ผู้นำพรรคคนใหม่เสียฟอร์มหลุดลุ่ย คอลัมนิสต์ชาวมาเลเซียผู้หนึ่งบอกว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการตบหน้าอัมโนอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง แถมยังวิจารณ์อย่างเจ็บแสบว่า "ศัตรูที่สำคัญที่สุดของพรรคอัมโนก็คือผู้นำพรรคของตัวเอง... ทำนองว่านายนาจิบนั้นบ่อมิไก๋
แต่ไม่ว่า นักวิเคราะห์หรือสื่อมวลชนจะพูดอย่างไรก็ตาม คงไม่ทำให้นายนาจิบหนาวเท่าคำพูดของประชาชนคนธรรมดาเชื้อสายมลายูอย่าง นาย ฮัสซัน วัย 60 ปี อาชีพขายหนังสือพิมพ์ในเขตกำปงปันดานในกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่บอกกับนักข่าวว่า ทีนี้อัมโนจะมาอ้างว่า ตัวเองเป็นตัวแทนของชาวมาเลย์ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว..แว้ว..แว้ว..
การเมืองแบบมาเลเซียที่มีการผูกขาดอำนาจโดยพรรคเดียวมานับแต่การก่อตั้งประเทศ ความไม่แน่ไม่นอนทางการเมืองอันเกิดจากความเปลี่ยนแปลงทางความคิดของประชาชนถือเป็นเรื่องใหม่ที่สะเทือนความมั่นคงของพรรค ทั้งยังส่งสัญญานว่า เส้นทางสู่ตำแหน่งนายกฯของนาย นาจิบ ราซัค คงจะวังเวงอย่างไรพิกล...
งานนี้คนที่อาจแอบดีใจเงียบๆคือป๊ะห์ลาห์ที่ถูกกดดันจนต้องกัดฟันประกาศยกตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้นายนาจิบเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา มาถึงตอนนี้ท่านนายกฯอาจแอบหัวเราะเยาะอยู่คนเดียวก็ได้
"เหอๆๆ... สมนำหน้ามัน อยากเลื่อยขาเก้าอี้ตรูดีนัก...!!