"เศรษฐีเอเชีย" บุกวงการกีฬาโลก

"เศรษฐีเอเชีย" บุกวงการกีฬาโลก

"เศรษฐีเอเชีย" บุกวงการกีฬาโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : กลางเดือนตุลาคม วงการลูกหนังมีทีมฟุตบอลทีมใหญ่ตกไปอยู่ในมือของเศรษฐีชาวเอเชียอีกหนึ่งทีมแล้ว สโมสรที่ว่าไม่ใช่สโมสรทั่ว ๆ ไป แต่เป็น อินเตอร์ มิลาน หนึ่งในทริปเปิลแชมป์ของยุโรป ซึ่งกลายเป็นทีมที่มีหุ้นส่วนใหญ่เป็นของกลุ่มนักธุรกิจจากอินโดนีเซีย ประเทศเพื่อนบ้านของไทย

หลังกระแสข่าวการเทกโอเวอร์อินเตอร์ มิลาน ถูกพูดถึงกันมาหลายเดือน วันที่ 15 ตุลาคม มาสซิโม โมรัตติ ประธานสโมสรยืนยันการเซ็นสัญญากับบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล สปอร์ตส แคปิตอล หรือไอเอสซี ของเอริค ตอฮีร์, โรซาน รุสเซลนี และฮานนี โซเทดโจ ทริโอ นักธุรกิจชื่อดังจากอินโดนีเซีย

โดยแถลงการณ์ระบุว่า ไอเอสซีของนักธุรกิจแดนอิเหนาจะถือครองหุ้นสโมสร 70 เปอร์เซ็นต์ เข้าบริหารสโมสรอินเตอร์ มิลาน ยอดทีมเซเรีย อา อิตาลี ที่กำลังเร่งพัฒนาทีมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

แถลงการณ์ของอินเตอร์ มิลาน อธิบายประวัติของเอริค ตอฮีร์ หัวหอกกลุ่มทุนที่เข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ว่า เป็นเจ้าของกลุ่ม "มาฮาคา" และเป็นคนที่สนใจด้านธุรกิจสื่อ-บันเทิงหลายแขนง แต่สำหรับวงการกีฬา นักธุรกิจแดนอิเหนาไม่ใช่มือใหม่ในวงการ ตอฮีร์ทำความรู้จักกับทีมฟุตบอลมาก่อนหน้านี้ โดยเป็นเจ้าของร่วมของทีมดีซี ยูไนเต็ด ในเมเจอร์ลีก ซ็อกเกอร์ สหรัฐ และที่สำคัญยังมีตำแหน่งเป็นรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกของอินโดนีเซีย

หลายปีที่ผ่านมา นักธุรกิจและมหาเศรษฐีทั่วโลกบุกตะลุยจับจองทีมกีฬาชื่อดังในประเภทต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ทีมกีฬาในไทย ซึ่งต่างถือครองโดยผู้มีชื่อเสียงและอิทธิพลทั้งในแวดวงธุรกิจ, การเมือง และคนดังของท้องถิ่น ขณะที่เหล่าเศรษฐีมีชื่อติดอันดับรวยที่สุดในโลกหลายคนก็ไม่รอช้าที่จะหันมาจับจองสโมสรกีฬาโปรดเอาไว้ครอบครองและช่วง 2 ทศวรรษหลังนี้ กล่าวได้ว่ามีชื่อของนักธุรกิจจากเอเชียโผล่เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ

ปี ค.ศ. 1992 ฮิโรชิ ยามะอูจิ ประธานบริษัทนินเทนโด ผู้ผลิตเกมชื่อดังจากญี่ปุ่น สร้างปรากฏการณ์ซื้อทีมซีแอตเติล มาริเนอร์ส ในลีกเบสบอล สหรัฐ อีกหนึ่งทีมอเมริกันเกม ซึ่งสื่อต่างประเทศหลายแหล่งอ้างว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีนักลงทุนนอกโซนอเมริกาเหนือเข้ามาถือครองทีมเบสบอลในสหรัฐมาก่อน

หลังปี 2000 เป็นต้นไป เหล่านักธุรกิจเอเชียเริ่มอาศัยการชะลอตัวของธุรกิจยุโรปบางส่วนแทรกตัวเข้ามาจับจองทีมกีฬาต่าง ๆ การซื้อทีมกีฬานอกจากจะเพื่อเข้ามาสัมผัสทีมรัก หรือไม่ว่าจะลงทุนในระยะสั้นหรือยาว การเทกโอเวอร์ทีมมักเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เผยแพร่ชื่อของผู้เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี เหมือนกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีจากแดนไกลเคยซื้อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2007

แม้ว่าอาจไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับทีมมากนัก แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชื่อของอดีตนายกฯคนดังติดอยู่ในหน้าข่าวหลายประเภท ก่อนที่เจ้าตัวจะขายต่อให้กับชีค มานซูร์ คนใหญ่คนโตและ

อภิมหาเศรษฐีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งท่านชีคกลายเป็นคนทุ่มเม็ดเงินให้ทีมจนพลิกโฉมเรือใบสีฟ้ากลายมาเป็นทีมแถวหน้าของยุโรป และคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทีมในรอบกว่า 40 ปี

หลังจากนั้นช่วงปลายปี 2010 กลายเป็นปีทองในวงการกีฬาสำหรับการเดินเกมธุรกิจของเหล่าเศรษฐีทั่วภูมิภาค นักธุรกิจทุนหนาไล่มาตั้งแต่ โทนี่ เฟอร์นันเดซ เศรษฐีจากมาเลเซีย เจ้าของแอร์เอเชีย เทกโอเวอร์สโมสรควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส แม้ว่าจะรอดตัวจากการตกชั้นในการเข้ามาบริหารปีแรก

แต่ปีถัดมาเฟอร์นันเดซบริหารงานทีมไม่เป็นที่น่าพอใจ

จนสุดท้ายทีมตกชั้นกลับไปแชมเปี้ยนชิปอีกรอบ

ขณะที่นักธุรกิจไทยก็ไม่น้อยหน้า กลุ่มทุนคิง เพาเวอร์ นำโดย วิชัย ศรีวัฒนประภา ก็เข้าบริหารเลสเตอร์ ซิตี้ ในลีกแชมเปี้ยนชิป หลังบริหารมาปีกว่า จิ้งจอกสีน้ำเงินขยับขึ้น

หัวตารางมีลุ้นได้เลื่อนชั้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกไม่แพ้ทีมอื่น

หลังปี 2011 จากที่ยุโรปเผชิญภาวะเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้นักธุรกิจเอเชียมีโอกาส มีลู่ทางมากขึ้น ปี 2013 ซาอิด ข่าน นักธุรกิจอเมริกันเชื้อสายปากีสถาน สามารถเจรจาซื้อทีม

ฟูแล่ม เทกโอเวอร์สโมสรเจ้าสัวน้อยในลีกสูงสุดของอังกฤษได้สำเร็จ ขณะที่ในอเมริกันเกม ยังมี วิเว็ก รานาดีฟ นักธุรกิจชื่อดังจากอินเดีย ในวัย 55 ปี ถือครองทีมซาคราเมนโต คิงส์ ในศึกบาสเกตบอลเอ็นบีเอ โดยรานาดีฟซื้อทีมมาด้วยมูลค่าถึง 10,140 ล้านบาททีเดียว

ธุรกิจกีฬายังคงเป็นหนึ่งในช่องทางการหารายได้ของนักลงทุน ตลาดกีฬามีผลประโยชน์มหาศาล แต่น่าเสียดายที่เรื่องธุรกิจวงการกีฬามักสวนทางกับความสำเร็จของทีมกีฬา สโมสรหรือทีมจำนวนไม่น้อยได้ทุนจากเจ้าของกระเป๋าหนัก แต่ก็ยังไม่สามารถนำทีมกีฬาให้ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งบางคนถึงขั้นไม่รู้เรื่องวิถีกีฬาของทีมที่เข้าไปครอบครองด้วยเงินจำนวนมหาศาลด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างที่เขาว่ากัน

สำหรับทีมที่ไม่ได้มีโครงสร้างเป็นของแฟนบอล แฟน ๆ คงทำได้แค่สนับสนุนทีม เมื่อทีมประสบความสำเร็จก็มีความสุขไปโดยปริยาย แต่ถ้าล้มเหลวก็มีแต่ต้องก้มหน้าหนุนหลังกันต่อไป

ที่ผ่านมาชาวเอเชียพิสูจน์ศักยภาพให้ทั่วโลกได้เห็นมาแล้วหลายเรื่อง และคราวนี้เป็นอีกครั้งที่จะแสดงให้เห็นสำหรับการตะลุยวงการกีฬา


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook