สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์แล้ว ติดเชื้อในกระแสเลือด

สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์แล้ว ติดเชื้อในกระแสเลือด

สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์แล้ว ติดเชื้อในกระแสเลือด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ข่าวสมเด็จพระสังฆราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (24 ต.ค.) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9 เรื่องพระอาการประชวรของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ใจความว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษารายงานว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระอาการโดยรวมทรุดลง ได้สิ้นพระชนม์แล้ว เมื่อเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (24 ต.ค.) สาเหตุเนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต

ประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 4 แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พุทธศักราช 2532 ในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และทรงเป็น สมเด็จพระสังฆราช พระองค์แรกของไทย ที่มีพระชันษา 100 ปี

พระองค์มีพระนามเดิมว่า "เจริญ คชวัตร" พระนามฉายาว่า "สุวฑฺฒโน" ประสูติ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2456 ณ บ้านวัดเหนือ ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

พระองค์ทรงบรรพชาเป็นสามเณร ในปีพุทธศักราช 2469 ขณะมีพระชันษาได้ 14 ปี ที่วัดเทวสังฆาราม โดยมี พระเทพมงคลรังษี เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังบรรพชาแล้ว ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเทวสังฆาราม 1 พรรษา และได้มาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดเสน่หา จังหวัดนครปฐม หลังจากนั้น พระเทพมงคลรังษี พระอุปัชฌาย์ ได้พาพระองค์ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร และนำพระองค์ขึ้นเฝ้าถวายตัวต่อ สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เพื่ออยู่ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักวัดบวรนิเวศวิหาร พระองค์ทรงได้รับประทานนามฉายาจากสมเด็จพระสังฆราชว่า "สุวฑฺฒโน" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้เจริญดี" จนกระทั่ง พระชันษาครบอุปสมบทจึงทรงเดินทางกลับไปอุปสมบทที่วัดเทวสังฆาราม เมื่อ พ.ศ. 2476 ภายหลังจึงได้เดินทางเข้ามาจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร และได้เข้าพิธีอุปสมบทซ้ำเป็นธรรมยุตินิกาย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นเมื่อถึงวันที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา สมเด็จพระญาณสังวร ขึ้นเป็น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นับเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต สืบต่อจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช

และในวันที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2556 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีงานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร

 

>>รวมพระรูป "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก"

>>โปรดเกล้าฯไว้ทุกข์ในพระราชสำนัก 15 วัน ถวายอาลัยสมเด็จพระสังฆราช

>>พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook