คลิป สมจิตต์ นักข่าวเจ็ดสี ปะทะคารมเดือด "เด็จพี่ - วิสาร"

คลิป สมจิตต์ นักข่าวเจ็ดสี ปะทะคารมเดือด "เด็จพี่ - วิสาร"

คลิป สมจิตต์ นักข่าวเจ็ดสี ปะทะคารมเดือด "เด็จพี่ - วิสาร"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุปะทะคารมดังกล่าว น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาดังนี้

ทำหน้าที่สื่อมวลชนด้วยสำนึกพลเมืองไทย
คงต้องขอบคุณ วิสาร เตชะธีรวัฒน์ รมช.มหาดไทย ที่ให้ความสำคัญกับภาพที่ดิฉันอยู่ที่แยกอุรุพงษ์ คงหวังเป็นประเด็นเด็ดที่จะดิสเครดิตความเป็นสื่อมวลชนของดิฉันว่าเลือกข้างไม่ควรมาถามคำถามที่เขาตอบไม่ได้
บอกตรง ๆ ว่าค่อนข้างแปลกใจนิดหน่อยที่การเดินออกจากบ้านหลังเลิกงานแล้วของ "ผู้หญิงคนหนึ่ง" เพื่อไปทำหน้าที่พลเมืองที่แยกอุรุพงษ์ จะได้รับความสนใจทั้งจากพี่น้องเสื้อแดงนำไปขยายผลแล้วแต่ความต่ำของระดับจิตใจ ไปจนถึงคนระดับรัฐมนตรี แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าระดับมันสมองที่อยู่ในระนาบเดียวกัน คงไม่รู้จักคำว่า "แยกแยะ" จึงขออนุญาติประกาศกันให้ชัดหน้าเพจนี้เลยค่ะ ท่าน รมช.มหาดไทยจะได้ไม่ต้องเสียแรงโชว์ภาพดิฉันจากมือถือผ่านสื่ออีก ^^
1) การไปที่อุรุพงษ์ไม่ได้ไปทำข่าวเพราะดิฉันไม่ได้รับมอบหมายให้ทำข่าวนี้ แต่ไปเพื่อแสดงออกให้รัฐบาลหันกลับมาทำในสิ่งที่ถูกต้องตามหน้าที่ของพลเมืองที่ไม่ต้องการเห็นชาติหายนะ
2) ดิฉันไม่ได้ไปที่อุรุพงษ์แค่วันเดียวแต่ไปทุกวันโดยใช้เวลาหลังเลิกงาน ไม่มีการติดบัตรสื่อ เพื่อแยกแยะให้เห็นว่าไม่ได้มาทำหน้าที่สื่อมวลชน และไม่ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของสื่อมวลชนด้วยแต่อยู่ในสถานที่ชุมนุมชัดเจน แม้มีคนถามก็บอกว่า "มาทำหน้าที่พลเมือง"
3) การไปที่อุรุพงษ์ ไม่ได้เป็นความลับอะไรเลยมีคนถ่ายภาพมากมาย และนำไปเผยแพร่กันในเฟซบุ๊ค ซึ่งดิฉันเพียงแต่ใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญมาตรา 2 (ุ6) ที่บัญญัติให้ประชาชนมี "เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมายเพื่อคุ้มครองประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยเมื่อประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก เท่านั้น
4) พื้นที่อุรุพงษ์ไม่ใช่แม้แต่จะเป็นพื้นที่ที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคง ตาม พ.ร.บ.มั่นคง ทำไมประชาชนจะไปชุมนุมไม่ได้ และดิฉันก็ไม่ได้เป็นคนปิดถนน แต่เมื่อไปยังสถานที่ดังกล่าวถนนก็ได้ถูกปิดไปโดยปริยายแล้ว ไม่ต่างจากที่ตำรวจประกาศปิด 14 เส้นทางจนเดือดร้อนทั่วกรุง มากกว่าความเดือดร้อนของประชาชนที่แยกอุรุพงษ์ที่รัฐบาลนำมาอ้างเสียอีก

5) อย่ากักขังเสรีภาพของการเป็นพลเมืองไทยโดยพยายามเอาคำว่า "สื่อมวลชน" มาเป็นกรงครอบ เพราะดิฉันพร้อมทำหน้าที่ทั้งสื่อมวลชนที่ดีและการเป็นพลเมืองไทยที่ดีไปพร้อม ๆ กัน
6) หากสื่อไม่สามารถแสดงออกทางการเมืองได้ เท่ากับเขาถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพให้ต่ำกว่าประชาชนทั่วไปเสียอีก ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า การทำหน้าที่สื่อมวลชนนั้นบกพร่องหรือไม่ และดิฉันมั่นใจว่าการไปร่วมชุมนุมและการตั้งคำถามในฐานะสื่อมวลชนไม่มีส่วนใดที่ผิดต่อจรรยาวิชาชีพ และยังสามารถมองหน้าตัวเองในกระจกได้อย่างภาคภูมิใจว่า "เป็นคนไทยไม่สยบยอมเป็นขี้ข้าใคร"
7) มุกเดิม ๆ ของพรรคเพื่อไทยที่จะผลักให้ดิฉันไปเป็นศัตรูเพื่อเลี่ยงตอบคำถามด้วยการพยายามดิสเครดิตไม่ได้ผลหรอกค่ะ ดิฉันจิตแข็งพอที่จะทนแรงเสียดทานเหล่านี้ได้ เพราะก่อนที่จะทำอะไรย่อมเห็นถึงผลที่จะตามมาอยู่แล้วว่ามีโอกาสที่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยพร้อมที่จะเผชิญกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่หวั่นไหวใด ๆ ทั้งสิ้น
ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นประชาธิปไตยจริง ท่านต้องแยกแยะได้ว่า สื่อมวลชนก็คือพลเมืองและเขามีสิทธิทำหน้าที่พลเมืองควบคู่ไปกับการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนที่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน
9) หากไม่พอใจดิฉันหรือเห็นว่ากระทำผิดกฎหมายขอให้ดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม แต่กรุณาอย่าไปบีบต้นสังกัดซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เพราะหากท่านทำอย่างนั้นก็เท่ากับท่านกำลังละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และละเมิดรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของชาติ
10) วันนี้เลิกงานสองทุ่มเจอกันที่อุรุพงษ์ดิฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการเป็นสื่อมวลชนสามารถทำหน้าที่พลเมืองได้ อย่ากักขังตัวเองจนขาดอิสระที่จะทำเพื่อชาติ เพราะในชีวิตหนึ่งเรามีโอกาสไม่มากนักที่จะต่อสู้เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากความเลว
เลิกงานไปอุรุพงษ์ คือเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบของประชาชน

 

ขอบคุณภาพจาก You Tube โพสโดยคุณ สมจิตต์ นวเครือสุนทร

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ คลิป สมจิตต์ นักข่าวเจ็ดสี ปะทะคารมเดือด "เด็จพี่ - วิสาร"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook