ปี 52 ไทยเสี่ยงติดหล่มวิกฤติการเมือง

ปี 52 ไทยเสี่ยงติดหล่มวิกฤติการเมือง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไรต่อสภาวะความเสี่ยงของประเทศไทยในช่วงปี 2552 กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 18 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู ขอนแก่น สกลนคร เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี ระนอง และพัทลุง จำนวน ทั้งสิ้น 2,443 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 3-10 ม.ค. 2552 พบว่า ประชาชนร้อยละ 81.8 ยังคงรู้สึกเบื่อหน่ายต่อความขัดแย้งทางการเมือง ร้อยละ 75.8 เชื่อว่าความขัดแย้งทางการเมืองจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 70.2 เครียดเรื่องการเมือง อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 71.3 ยังคงมีความหวังว่าประเทศชาติจะสงบสุข และร้อยละ 95.8 อยากให้คนไทยรักกัน

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย แม้ประเทศไทยจะประสบวิกฤติกรณ์ต่าง ๆ มากมายในเวลานี้ ผลสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 80.9 ยังคงเชื่อมั่นต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย แม้ประเทศไทยจะประสบวิกฤติการณ์ต่าง ๆ มากมาย ที่น่าเป็นห่วงคือ ค่าคะแนนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศในทุกเรื่องต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยพบว่า ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ 4.47 ค่าความเชื่อมั่นต่อความสามัคคีของกลุ่มการเมืองและพรรคร่วมรัฐบาล ได้ 3.84 ค่าความเชื่อมั่นต่อการปราบปรามปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นได้ 3.66 ค่าความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหายาเสพติด ได้ 3.57

ดร.นพดล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ค่าคะแนนความเสี่ยงต่อวิกฤติการณ์ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศในมุมมองของประชาชน พบว่า มีค่าคะแนนความเสี่ยงสูงระดับมาก จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า ความเสี่ยงต่อวิกฤติการณ์ปัญหาด้านเศรษฐกิจได้ 7.72 ความเสี่ยงต่อปัญหาด้านการเมือง ความขัดแย้งรุนแรงบานปลยได้ 7.49 และความเสี่ยงต่อวิกฤติด้านสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม ได้ 7.15

ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า จากผลสำรวจครั้งนี้จำเป็นต้องเร่งทำอะไรบางอย่างที่เป็นระบบในการบริหารจัดการอารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชน โดยรัฐบาล หน่วยงานรัฐ และองค์กร เอกชนน่าจะช่วยกันสร้างระบบเฝ้าระวังติดตามอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนที่รวดเร็วฉับไวทันต่อสถานการณ์และสร้างสรรค์กิจกรรมรณรงค์ จัดวางยุทธศาสตร์ชาติเรื่องของจิตใจและพฤติกรรมของประชาชนกลุ่ม ต่าง ๆ ในแต่ละภูมิภาค โดยนำเอาความดีงามด้านวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นและระดับประเทศเป็นตัวเชื่อมประสานร่วมประกอบกับแนวทางด้านความมั่นคงในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook