คุณแม่วัย 19 ชนะคดี! ขอพิสูจน์ DNA คู่หมั้นที่เสียชีวิต ดีใจลูกมีพ่อแล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านางสาว เอ็มม่า ฮิคแมน คุณแม่วัย 19 ปี ชาวอังกฤษชนะการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ดีเอ็นอี พ่อของลูกสาวเธอ หลังจากเขาเสียชีวิตในอัฟกานิสถาน โดยก่อนหน้านี้นางสาวฮิคแมนไม่สามารถใส่ชื่อพลทหารแดเนียล เวด คู่หมั้นของเธอให้เป็นพ่อของหนูน้อยเล็กซี่ไม วัย 5 ขวบได้ เพราะพวกเขาไม่ได้แต่งงานกันตามกฏหมาย
รายงานแจ้งว่าก่อนหนูน้อยเล็กซี่ไมจะลืมตามาดูโลกเพียง 3 เดือน พลทหารแดเนียล เวด วัย 20 ปี จากกองพันที่ 3 ของกรมทหารยอร์คเชียร์ แห่งสหราชอาณาจักร ได้เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่จากการวางระเบิดของกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกันตามกฏหมาย เธอจึงต้องเรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมยินยอมให้ตัวอย่างดีเอ็นเอของคู่หมั้นมาตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อ เพื่อให้สามารถใช้ชื่อเขาในใบแจ้งเกิดของลูกสาวได้
ทนายของนางสาวฮิคแมน กล่าวว่านอกจากเธอจะเจ็บปวดจากการสูญเสียคู่หมั้นและพ่อของลูกแล้ว การที่ต้องต่อสู้ทางกฏหมายเพื่อขอตรวจดีเอ็นเอก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดเช่นกัน แต่เป็นที่น่ายินดีที่ครอบครัวของพลทหารเวด เห็นด้วยกับการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอครั้งนี้
ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ยินยอมให้ตัวอย่างดีเอ็นเอของพลทหารเวด เพื่อการพิสูจน์ความเป็นพ่อเด็ก และส่งผลให้หนูน้อยเล็กซี่ไมและครอบครัวของเธอ ได้รับเงินชดเชยการเสียชีวิตของพลทหารเวดจากทางการ ซึ่งนางสาวฮิคแมนกล่าวว่าเธอไม่ได้ต้องการเงินแต่ลูกสาวของเธอมีสิทธิที่จะรู้ว่าใครเป็นพ่อ
ขณะเดียวกันส.ส.เดวิด โมวัต ซึ่งสนับสนุนนางสาวฮิคแมนในการต่อสู้ครั้งนี้ ได้เรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมของอังกฤษเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของทหารที่ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในสงครามทุกคน และควรจะทำเป็นหน้าที่เหมือนที่ประเทศฝรั่งเศสและสหรัฐฯ
ด้านนายมาร์ค ฟรังซัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ได้มีการถกเถียงถึงกรณีนี้มานานแล้วและเชื่อว่าอีกไม่นานคงได้ข้อยุติ โดยปัจจุบันกระทรวงกลาโหมได้เสนอให้ทุกกองกำลังทหารและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ในกระทรวงกลาโหมให้ตัวอย่างดีเอ็นเอมาเก็บไว้เพื่อใช้ในการพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งขณะนี้การให้ตัวอย่างดีเอ็นเอขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แต่เพื่อการพิสูจน์หลังการเสียชีวิต ควรจะต้องผลักดันให้เป็นนโยบายข้อบังคับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาและคาดว่าจะแล้วเสร็จในฤดูใบไม้ผลินี้