น่าห่วง! หนุ่มวัย 30 ปี ติดเกมหนัก ถึงขั้นอึหน้าจอคอมพิวเตอร์

น่าห่วง! หนุ่มวัย 30 ปี ติดเกมหนัก ถึงขั้นอึหน้าจอคอมพิวเตอร์

น่าห่วง! หนุ่มวัย 30 ปี ติดเกมหนัก ถึงขั้นอึหน้าจอคอมพิวเตอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(ภาพประกอบข่าว)

ปัญหาเด็กติดเกมยิ่งรุนแรง พบเคสอายุเกือบ 30 ติดเกมส์จนอึหน้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ เผยยายที่ดูแลต้องคอยส่งข้าวน้ำให้ตลอด

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็ก และวัยรุ่นราชนครินทร์ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)กล่าวในเวที สช.เจาะประเด็น "คุมเข้มเด็กเล่นเกม : ลิดรอนสิทธิ หรือช่วยสร้างสรรค์" ตอนหนึ่งว่า สถิติของการติดเกมอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำรวจตั้งแต่ปี 2551 พบเด็กมีพฤติกรรมรุนแรงร้อยละ 5 ปี 2552 ร้อยละ 9 ปี 2554 ประมาณร้อยละ 14.49 จึงต้องมีการบำบัดรักษา โดยเริ่มจากการตรวจวินิจฉัยและเก็บข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาต่อไป

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ผ่านมา เจอผู้ป่วยรายหนึ่งเป็นผู้ชายอายุเกือบ 30 ปี ยายพามาพบจิตแพทย์ เพราะติดเกมอย่างรุนแรง ถึงขนาดถ่ายอุจจาระหน้าจอคอมพิวเตอร์ และเริ่มเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า ทราบว่าติดเกมตั้งแต่เด็ก เมื่อทำงานมีปัญหากับที่ทำงานจนต้องออกมาอยู่บ้าน และเล่นเกมตลอดเวลา ยายที่ดูแลต้องคอยส่งข้าวน้ำให้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากการทำโครงการพัฒนาเครือข่ายในโรงเรียนเพื่อการดูแลและช่วยเหลือนักเรียนร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทำให้ได้ข้อมูลจากการลงพื้นที่จังหวัดหนึ่ง ซึ่งครูได้ติดตามเด็กที่หายจากโรงเรียนราว 10 คนว่า พ่อของเพื่อนดัดแปลงบ้านบริเวณชั้นบนเปิดเป็นร้านเกมเถื่อนให้เพื่อนลูกใช้บริการโดยเก็บค่าบริการ มีที่นอนหมอนและเสื้อผ้าเปลี่ยนให้ด้วย ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำเช่นนี้กับลูกคนอื่นได้อย่างไร ทั้งนี้ พ่อแม่

ผู้ปกครองสามารถประเมินได้ว่าลูกตนเองติดเกมหรือไม่ หากเด็กใช้เวลาในการเล่นเกมอย่างน้อย 1 ชั่วโมงติดต่อกันทุกวันๆ พ่อแม่ควรตระหนักว่าลูกเริ่มมีความผิดปกติ หรือดาวน์โหลดแบบประเมินการติดเกมจากเว็บไซต์กรมสุขภาพจิต www.dmh.go.th เพื่อทำการประเมินลูกแล้วพามาพบจิตแพทย์เข้ารับการรักษา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook