แม่โมโหลูกสาววัย14 ป่วยทางจิต ใช้เข็มขัดฟาดหัวจนเลือดอาบ

แม่โมโหลูกสาววัย14 ป่วยทางจิต ใช้เข็มขัดฟาดหัวจนเลือดอาบ

แม่โมโหลูกสาววัย14 ป่วยทางจิต ใช้เข็มขัดฟาดหัวจนเลือดอาบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่ใช้เข็มขัดตีหัวลูกสาววัย 14 ปี ป่วยอาการทางจิตจนเลือดอาบ รับโมโหหลังไปนั่งอุจจาระใส่รถยนต์ของคนอื่น ชาวบ้านสุดทนแจ้งตำรวจจับ

เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในโครงการพรอนันต์คอนโด หมู่ที่14 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง หลังได้รับการประสานจากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีว่า มีมารดาทำร้ายบุตรอย่างโหดร้ายทารุณขณะนี้ชาวบ้านอยู่ระหว่างให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงดังกล่าว หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดให้เช่ามีประชาชนอยู่แออัดภายในด้านล่างของอาคารพบชาวบ้านกำลังให้ความช่วยเหลือดญ.เอ (นามสมมติ) วัย14 ปี ที่ถูกมารดา ทำโทษด้วยการใช้เข็มขัดตีเข้าที่ศรีษะจนเป็นแผลแตกยาว 3-4ซ.ม. และตามร่างกาย ใบหูฝั่งซ้ายมีบาดแผลการถูกทำร้ายหลายแห่ง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวด.ญ.เอ มาสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมทั้งเชิญตัวมารดามาสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก

มารดาเด็กให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ด.ญ.เอ บุตรสาววัย 14 ปี นั้นป่วยเป็นโรคความจำสั้น เคยเข้ารับการรักษาแล้วแต่ไม่หายเพราะขาดเงินที่จะทำการรักษาต่อ ช่วงเช้าวันนี้ได้ทำโทษลูกสาวจริง โดยใช้เข็มขัดหนังหัวทำด้วยอลูมิเนียม ตีเข้าที่ศรีษะและตามร่างกายเพื่อสั่งสอน เนื่องจากด.ญ.เอ ไปนั่งอุจจาระใส่รถยนต์ของประชาชนที่จอดอยู่หน้าคอนโด ตนไม่มีเจตนาจะทำร้ายลูกอย่างโหดร้ายทารุณ แต่หัวเข็มขัดเกิดพลาดไปโดนที่ศรีษะจนแตกจนเลือดไหลอาบ ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาห้าม และได้นำลูกขึ้นห้องพักก่อนถูกตำรวจเชิญตัวมาสอบสวน

ขณะที่ดญ.เอ ให้การตำรวจด้วยท่าทางหวาดกลัวร้องไห้ตลอดเวลาว่า ผู้เป็นมารดาชอบลงโทษอย่างรุนแรงบ่อยครั้ง หากวันไหนมารดากลับมาบ้านก็จะให้ตนลงมาข้างล่างเพื่อไม่ให้รบกวนการนอน แล้วล๊อคประตูห้องไม่ให้เข้าไปภายใน

ทางด้านพ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นความรุนแรงของครอบครัว หลังจากทำการรักษาพยาบาลเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งตัวเด็กหญิงเอไปที่บ้านราชาวดี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อทำการรักษาอาการป่วย และให้นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์สอบปากคำตัวเด็กว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากความรุนแรงจากสาเหตุอะไร ส่วนการดำเนินคดีต้องรอผลจากบ้านราชาวดีว่า เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นความรุนแรงหรือไม่ เนื่องจากผู้เป็นแม่สามารถสั่งสอนลูกได้แต่ต้องอยู่ในระดับที่พอสมควรไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก หากผลออกมาพบว่า เป็นการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก ทางตำรวจจะดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

ขอบคุณภาพจาก สำนักข่าว INN

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook