บังยีเผยพยานปากเอกอดีตรองปธ.แดอัน เตรียมฟ้องกลับ200ล้าน

บังยีเผยพยานปากเอกอดีตรองปธ.แดอัน เตรียมฟ้องกลับ200ล้าน

บังยีเผยพยานปากเอกอดีตรองปธ.แดอัน เตรียมฟ้องกลับ200ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วรวีร์ มะกูดี ได้ตัวอดีตรองประธานบริษัท แดอัน21 จำกัด มาเป็นพยานปากเอกแก้ข้อกล่าวหาฉ้อโกง ชี้ฝ่ายเกาหลีเป็นคนเบี้ยวเอง เตรียมฟ้องกลับกว่า 200 ล้านบาทกู้ศักดิ์ศรี

วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดโต๊ะแถลงข่าวแก้ข้อกล่าวหาของตนเองกับสื่อมวลชนเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยมีประเด็นที่แจ้งให้กับผู้สื่อข่าวรับทราบก่อนหน้านี้คือการถูก บริษัท แดอัน21 จำกัด ฟ้องร้องข้อหาฉ้อโกง และความคืบหน้าเรื่องคลับไลเซนซิ่ง

การแถลงครั้งนี้ประมุขลูกหนังไทยได้เปิดตัวพยานคนใหม่ที่จะมาช่วยแก้ข้อกล่าวหาฉ้อโกงบริษัทจากเกาหลีใต้หลังได้ มร.เจ โลห์ อดีตรองประธานบริษัท แดอัน 21 จำกัด ที่เป็นตัวแทนมาดูแลเรื่องการตลาดให้สมาคมฟุตบอลฯเมื่อปี 2550 หลังจากที่มีการทำสัญญามอบหมายสิทธิประโยชน์ระหว่างกัน

"บังยี" กล่าวว่านอกจาก มร.เจ โลห์ แล้วยังมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแดอันอีก 2 รายที่เข้ามาทำงานร่วมกับสมาคมฟุตบอลซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการจ่ายเงินค่าตอบแทนเช่นเดียวกับสปอนเซอร์รายอื่นๆ และเงินจำนวนนี้ก็ถูกโอนเข้าบันชีของสมาคมฟุตบอลไม่ใช่เข้ากระเป๋าใครคนใดคนหนึ่ง

นายวรวีร์เปิดเผยข้อมูลว่าสัญญาที่ทำกับบ.แดอัน21 นั้น มีอายุระหว่าง1 เม.ย. 2550 - 31 มี.ค. 2554 คิดเป็นมูลค่า 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี พร้อมกับโชว์สัญญาที่ทำกันไว้ซึ่งตรงกับที่ทางทนายของบ.แดอัน21 เปิดเผยต่อสื่อมวลชนก่อนหน้านี้

"เรามีการทำงานร่วมกันราว 1 ปีซึ่งทางคุณเจโลเป็นพยานเรื่องนี้ได้ดี แต่พอปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทางเขาก็หายไปเอง เราก็ไม่ได้มีการยกเลิกสัญญา แม้จะมีการเตือนไปหลายครั้ง ซึ่งทางเขาก็นิ่งเงียบ"

ขณะที่นายวีระ คำมี ที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมายของสมาคมฟุตบอลฯตั้งข้อสังเกตุว่าเจตนาของทนายฝั่งแดอัน 21 มีบางเรื่องที่น่าสงสัยทั้งการพยายามติดต่อและเปิดเผยข้อมูลการฟ้องร้องต่อสื่อมวลชนรวมทั้งการเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมจาก กมธ.กีฬา วุฒิสภา ซึ่งดูจะผิดวิสัยของผู้เป็นทนาย

ด้าน มร.เจ โลห์ กล่าวว่า ตนเองได้มาร่วมงานกับสมาคมฟุตบอลเมื่อ 5 ปีที่แล้วในฐานะรองประธานบริษัท แดอัน 21 จำกัด ซึ่งทำงานอยู่ราว 1 ปี โดยได้เริ่มดำเนินการติดต่อบริษัทเอกชนชื่อดังหลายรายเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ทั้ง อาร์ดิดาส ,ไนกี้ .ซัมซุง ฯลฯ รวมทั้งการเจรจาดึงทีมชาติฮอลแลนด์ มาอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติไทย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ปี 50 (ไทยแพ้ 1-3 )

"หลังจากแมตช์กระชับมิตรของฮอลแลนด์กับไทยปรากฏว่าผลประกอบธุรกิจของแดอันขาดทุนและเมื่อไม่ประสบความสำเร็จครั้งนั้น มร.ปาร์ค (ประธานบริษัท แดอัน 21 จำกัด) ก็หยุดกิจกรรมกับสมาคมฟุตบอลทันที ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหตุผล" เจ โลห์ กล่าว

พยานปากเอกของสมาคมฟุตบอลไทยยังกล่าวอีกว่า "บริษัทแดอัน21เวลานี้ยังคงมีอยู่แต่เหมือนเป็นบริษัทที่กำลังหลับ (หยุดประกอบกิจการ) และพอได้ข่าวว่าจะมีการฟ้องร้องสมาคมฟุตบอลไทย ผมคิดว่ามันไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไร เพราะ มร.ปาร์ค เองที่เป็นฝ่ายเลิกทำกิจกรรม"

นอกจากนี้ นายวรวีร์ มะกูดี ยังยอมรับว่ากำลังปรึกษาทีมทนายเพื่อพิจารณาเรื่องการฟ้องร้องกลับเนื่องจากสมาคมฟุตบอลฯเป็นฝ่ายที่ถูกผิดสัญญาแม้จริงๆแล้วตนเองจะอยากปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปแต่เมื่อ บ.แดอัน เป็นฝ่ายเข้ามาทำลายชื่อเสียงของสมาคมฟุตบอลก่อน ตนเองก็ต้องรักษาเกียรติและกอบกู้ภาพพจน์คืนมา โดยคิดมูลค่าการฟ้องร้องคิดตามระยะสัญญาที่เหลืออยู่ราว 3 ปีครึ่งเป็นเงิน 6.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 227 ล้านบาท )

ส่วนความคืบหน้าเรื่องคลับไลเซนซิ่งนั้น ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เปิดเผยว่าสมาคมฟุตบอลเพิ่งจะมีการส่งร่างระเบียบข้อบังคับการออกใบอนุญาตครั้งที่ 2 ไปให้กับเจ้าหน้าที่ของเอเอฟซี และภายในวันที่ 8 ต.ค.นี้ จะทำร่างระเบียบครั้งสุดท้ายส่งไปอีกครั้งเพื่อให้เอเอฟซีประกาศรับรองได้ในช่วงต้นเดือน พ.ย. ซึ่งก็หมายความว่า สมาคมฟุตบอลไทยน่าจะนำระบบคลับไลเซนซิ่งมาบังคับใช้อย่างเป็นทางการได้ในปี 2556

นายวรวีร์ กล่าวว่าสำหรับสโมสรในเมืองไทยที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลในทวีปเอเชียปีหน้านั้น จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนเพราะมีวิธีการที่จะหาข้อยกเว้นได้อยู่แล้ว "ผมอยากจะเรียนอีกครั้งว่าสโมสรที่ตกอกตกใจทำเป็นหวาดกลัว ไม่ต้องหนักใจในเรื่องนี้"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook